ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ จะลงจากตำแหน่ง มีความพยายามกดดันจีน 2 เรื่อง คือ ต้นตอของโรคโควิด-19 และ การแบนหัวเว่ย เทคโนโลยี ซึ่งเป็นบริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของจีน
-กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า มีข้อมูลใหม่ที่ชี้ว่าการระบาดของโรคโควิด-19 อาจเกิดขึ้นจากห้องปฏิบัติการของจีนและไม่ได้เกิดขึ้นจากการสัมผัสกับสัตว์ที่ติดเชื้อ รัฐบาลสหรัฐฯ กล่าวโดยเฉพาะเจาะจงว่าได้รับหลักฐานใหม่ว่านักวิจัยจากสถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่นป่วยในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2019 ก่อนที่จะมีการระบุกรณีการระบาดครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่น โดยอาการดังกล่าวสอดคล้องกับโควิด-19 หรือโรคตามฤดูกาลทั่วไป คำแถลงสั้นๆ ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯไม่มีข้อมูลมาสนับสนุนข้ออ้างนี้ และเป็นแถลงการณ์ไม่ได้ลงนามด้วย และยังมีขึ้นไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ก่อนสิ้นสุดการบริหารของนายทรัมป์
-กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ แจ้งเตือนบรรดาซัพพลายเออร์ของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี ว่าทางการสหรัฐฯกำลังจะยกเลิกใบอนุญาตที่เคยเปิดทางให้บริษัทเหล่านี้ทำงานกับหัวเว่ยได้ และกระทรวงจะไม่รับคำขอใบอนุญาตดังกล่าวเพิ่มเติมหลังจากนี้ด้วย รายงานระบุว่า ซัพพลายเออร์ของหัวเว่ยที่ได้รับการแจ้งเตือนมีชื่อของบริษัทอินเทล คอร์ป รวมอยู่ด้วย ส่วนซัพพลายเออร์รายอื่นๆ ของหัวเว่ยยังรวมถึงซัมซุง และอีกหลายบริษัท
ก่อนหน้านี้ ฝ่ายบริหารของนายทรัมป์ ได้ขึ้นบัญชีดำเสียวหมี่ คอร์ป ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่อันดับ 2 ของจีน โดยอ้างเหตุผลว่าบริษัทดังกล่าวมีความสัมพันธ์กับกองทัพจีน ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการกดดันจีน ก่อนที่นายโจ ไบเดน จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯในวันที่ 20 ม.ค.64
ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและจีน มีความตึงเครียดมากที่สุดในรอบหลายสิบปี ทำให้สหรัฐฯพยายามกดดันให้รัฐบาลทั่วโลกบีบบริษัทหัวเว่ย รัฐบาลของนายทรัมป์ มองว่า บริษัทหัวเว่ยเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ และเชื่อว่าอุปกรณ์ของบริษัทหัวเว่ยอาจถูกใช้เพื่อทำการจารกรรมข้อมูลทางไซเบอร์ ขณะที่บริษัทหัวเว่ยปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว
เมื่อเดือนพ.ค. 2562 สหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำบริษัทหัวเว่ยและบริษัทในเครือ และสั่งให้บริษัทของสหรัฐฯที่ต้องการส่งออกสินค้าให้กับบริษัทที่ถูกขึ้นบัญชีดำเหล่านั้น จะต้องขอใบอนุญาตจากทางการสหรัฐฯ
แฟ้มภาพ