ทันสถานการณ์โลกเวลา 06.30น.วันจันทร์ที่ 18 มกราคม 2564

18 มกราคม 2564, 06:16น.



จีน บริจาควัคซีนให้หลายชาติในอาเซียน ยืนยันไม่ใช่ให้ได้เเต้มต่อปัญหาขัดแย้งในทะเลจีนใต้



          จีนให้ความช่วยเหลือหลายประเทศในกลุ่มอาเซียน นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน เดินทางเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้



-จีน ยืนยันบริจาควัคซีนโควิด-19 จำนวน 1,000,000 โดสให้กัมพูชา



-บริจาควัคซีน 300,000 โดส ให้เมียนมา



          ในระหว่างการพบกับรัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์ นายทีโอโดโร โลเปซ ล็อกซิน จูเนียร์  และประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ โรดริโก ดูเตอร์โต รัฐมนตรีต่างประเทศจีน ออกแถลงการณ์ว่า จีนมีบทบาทสำคัญในการพลิกฟื้นภูมิภาคของเรา ขอให้พวกเราทำทุกสิ่งเท่าที่จะทำได้ในการพลิกฟื้นความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจระหว่างฟิลิปปินส์และจีน

          CNN ฟิลิปปินส์ รายงานว่า ในการปิดห้องหารือกัน นายหวังได้แจ้งต่อนายล็อกซินว่า รัฐบาลปักกิ่งต้องการบริจาควัคซีนโควิด-19 เพื่อช่วยเหลือกรุงมะนิลา โดยมีรายงานว่ามีจำนวน 500,000 โดส แต่ไม่มีการเปิดเผยถึงชื่อของวัคซีนที่จะให้ความช่วยเหลือ

          นอกจากนี้ จีนตกลงที่จะให้เงินกู้จำนวน 500 ล้านหยวนหรือราว 77 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับโครงการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานให้ฟิลิปปินส์ นายหวัง ให้คำมั่นที่จะทำให้โครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ปักกิ่งให้การสนับสนุนเสร็จสมบูรณ์



          บลูมเบิร์ก มะนิลา ยืนยันว่า จีนจะไม่ใช้ประโยชน์จากวัคซีนการทูตเพื่อให้ได้แต้มต่อทางเขตความขัดแย้งในทะเลจีนใต้



          การเดินทางเยือนหลายประเทศในกลุ่มอาเซียน เกิดขึ้นท่ามกลางปัญหาความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ที่ยังค้างคาซึ่งมีฟิลิปปินส์รวมอยู่ในกลุ่มคู่ขัดแย้งและเกิดขึ้นก่อนที่ว่าที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ จะสาบานตัวเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค.64 




อาร์เจนตินาพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์รายแรก



          สถานการณ์การติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 โควิด-19 รัฐบาลอาร์เจนตินา ยืนยันว่า พบผู้ป่วยคนแรกในประเทศที่ติดเชื้อโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ที่มีต้นทางจากอังกฤษ นายโรแบร์โต ซัลวาเรซซา รัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมของอาร์เจนตินา เปิดเผยผ่านทางทวิตเตอร์ว่า ผู้ป่วยคนนี้เดินทางจากเยอรมนีเข้ามายังอาร์เจนตินาโดยไม่มีอาการตั้งแต่สิ้นเดือนธ.ค.63 เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียด



          อาร์เจนตินา พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 1,783,047 คน และมีผู้เสียชีวิต 45,227 ราย เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลอาร์เจนตินาจึงขยายมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมออกไปจนถึงวันที่ 31 ม.ค. 64



อิตาลี สั่งแบนเที่ยวบินจากบราซิล ผู้โดยสารติดเชื้อกลายพันธุ์



          นายโรแบร์โต สเปรันซา รัฐมนตรีสาธารณสุขอิตาลี ลงนามในคำสั่งแบนเที่ยวบินตรงจากบราซิลเข้ามาที่อิตาลี ไปจนถึงวันที่ 31 ม.ค.64 หลังจากพบผู้โดยสาร 4 คน จากบราซิล 4 ติดเชื้อโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ และห้ามคนที่เดินทางผ่านบราซิลในช่วง 14 วันเดินทางเข้ามาที่ประเทศอิตาลี สำหรับคนที่เดินทางมาจากบราซิลและอยู่ในอิตาลีแล้ว ต้องติดต่อหน่วยงานสาธารณสุขเพื่อทำการตรวจหาเชื้อและในระหว่างนี้จะใช้มาตรการเฝ้าระวังสูงสุด  อิตาลี พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 16,310 คน เมื่อวันเสาร์ที่ 16 ม.ค.64



ชาวอินเดีย ฉีดวัคซีนน้อยกว่าเป้าหมายเกือบครึ่ง ไม่มั่นใจวัคซีนของตัวเอง




          กระทรวงสาธารณสุขของอินเดีย เปิดเผยเกี่ยวกับการเริ่มแคมเปญฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันเสาร์ 16 ม.ค.64 ว่ามีผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนแล้วมากกว่า 190,000 คนทั่วประเทศ ภายในรอบ 24 ชั่วโมงแรก ต่ำกว่าเป้าหมายเกือบครึ่ง คือประมาณ 360,000 คน และมีการแจ้งเกี่ยวกับการผลข้างเคียงในผู้เข้ารับการฉีควัคซีนบางคน แต่อาการไม่รุนแรงถึงขั้นต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล



          สำหรับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้งานเป็นกรณีฉุกเฉินในอินเดียแล้ว มีอย่างน้อย 2 รายการ ได้แก่ วัคซีนที่มาจากการพัฒนาร่วมกันระหว่างบริษัทแอสตราเซเนกา กับมหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ดของสหราชอาณาจักร มีชื่อทางการค้าในอินเดียว่า "โควิชิลด์" และวัคซีนอีกตัวที่มีชื่อทางการพาณิชย์ว่า "โควาซิน" พัฒนาโดยบริษัท ภารัต ไบโอเทค หนึ่งในผู้ประกอบการด้านชีวเภสัชภัณฑ์รายใหญ่ของอินเดีย



          องค์การควบคุมมาตรฐานยาส่วนกลางของอินเดีย ( ซีดีเอสซีโอ ) ซึ่งเป็นผู้พิจารณาและอนุมัติวัคซีนทั้ง 2 รายการดังกล่าว ให้ข้อมูลว่า ในส่วนของวัคซีนแอสตราเซเนกา/อ็อกซฟอร์ด มีประสิทธิภาพป้องกันร้อยละ 70.42 ตามการศึกษาวิจัยโดยซีดีเอสโอ และให้ฉีด 2 ครั้ง ภายในระยะเวลาห่างกัน 28 วัน



          โรงพยาบาลหลายแห่งในอินเดีย ยื่นเรื่องไปที่กระทรวงสาธารณสุข เจาะจงขอใช้วัคซีนโควิชิลด์ของแอสตราเซเนกา/อ็อกซฟอร์ด  



          ขณะที่การใช้งานวัคซีนโควาซิน มีเงื่อนไขว่าก่อนเข้ารับการฉีด คนนั้นต้องลงนามในเอกสารที่ระบุว่ายอมรับว่าประสิทธิภาพทางคลินิกของวัคซีนตัวนี้ยังไม่ชัดเจน



          รัฐบาลอินเดียมีแผนฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชน 300 ล้านคน จากทั้งหมดราว 1,300 ล้านคนทั้งประเทศ ภายในกลางปีนี้ จากจำนวนดังกล่าว 30 ล้านคน จะเป็นบุคลากรการแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขด่านหน้า ซึ่งจะเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับการฉีดวัคซีน



สหรัฐฯ เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้นรับมือวันสาบานตน



          สถานการณ์ในสหรัฐฯ ก่อนที่นายไบเดนจะสาบานตนรับตำแหน่ง กองกำลังพิทักษ์ชาติ เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 25,000 นาย เดินทางมาที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อดูแลความเรียบร้อย





          นายคริสโตเฟอร์ เรย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (FBI) เตือนภัยผู้ประท้วงติดอาวุธในกรุงวอชิงตันดี.ซี. และตามเมืองเอกของรัฐต่างๆ ทั่วประเทศ โดยแจ้งกับรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ ระหว่างรายงานสรุปว่าเอฟบีไอ เห็นข้อมูลที่น่ากังวลจำนวนมากจากแชตทางออนไลน์ ก่อนพิธีสาบานตนของนายไบเดน รวมถึงข้อความเชิญชวนให้มีการประท้วงพร้อมอาวุธในระหว่างการประกอบพิธีสาบานตน



          ทางการสหรัฐฯ เพิ่มมาตรการความปลอดภัยอย่างเข้มข้นเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ ทั้งในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และเมืองต่างๆ ทั่วประเทศ หลังมีการเตือนความเป็นไปได้ในการก่อความรุนแรง



          หลายสายการบินทั้งเดลต้า, อะแลสกา แอร์ไลน์ส, อเมริกัน แอร์ไลน์ส และยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส ประกาศไม่อนุญาตให้ผู้โดยสารที่เดินทางไปกรุงวอชิงตันดี.ซี.ในช่วงก่อนพิธีสาบานตนพกอาวุธไปด้วย



          องค์การรถไฟแห่งชาติ (Amtrak) เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย รวมถึงจัดเตรียมกำลังตำรวจบนรถไฟเพิ่มเติม



          นอกจากนั้น เมื่อค่ำวันศุกร์ 15 ม.ค.64 ตำรวจกรุงวอชิงตัน จับกุมนายเวสลีย์ อัลเลน บีเลอร์ ที่ด่านตรวจเนื่องจากแสดงหนังสือรับรองปลอมเพื่อเข้าร่วมพิธีสาบานตน และจากการตรวจค้นยังพบปืนสั้นหนึ่งกระบอกและกระสุนกว่า 500 นัด



         นายบีเลอร์ ให้สัมภาษณ์วอชิงตัน โพสต์ ว่าทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในกรุงวอชิงตัน และถูกเรียกที่ด่านตรวจหลังจากหลงทาง และยังบอกว่า ลืมไปว่าในรถมีปืนและไม่ได้มีกระสุนมากมายอย่างที่เป็นข่าว โดยหลังจากไปรายงานตัวต่อศาลเมื่อวันเสาร์ นายบีเลอร์ได้รับการปล่อยตัวและนัดขึ้นศาลอีกครั้งในเดือนมิ.ย.64



หลังสาบานตนรับตำแหน่ง ‘ไบเดน’ เริ่มงานทันที ฟื้นภาพลักษณ์




          นายไบเดน เตรียมใช้อำนาจพิเศษทันทีหลังพิธีเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยกเลิกนโยบายหลายด้านในสมัยของนายโดนัลด์ ทรัมป์ นายรอน เคลน หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า นายไบเดน จะเริ่มภารกิจทันทีหลังเสร็จสิ้นพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยจะลงนามคำสั่งฝ่ายบริหาร เพื่อผลักดันการเปลี่ยนแปลงนโยบายสำคัญๆ หลายเรื่อง เช่น นโยบายที่อยู่อาศัย เงินกู้เพื่อการศึกษา การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นโยบายตรวจคนเข้าเมืองของสหรัฐฯ การบังคับให้ใส่หน้ากากอนามัยเดินทางระหว่างรัฐ หนึ่งในวาระที่นายไบเดน ต้องการดำเนินการอย่างเร่งด่วน คือ การให้สภาคองเกรสผ่านแผนงบประมาณเยียวยาทางเศรษฐกิจฉบับใหม่อีก 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ได้ 100 ล้านเข็ม ภายใน 100 วันแรก



          ก่อนหน้านี้ นายไบเดน รณรงค์หาเสียงไว้ก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดโควิด-19 ไปทั่วประเทศ โดยจะยกเลิกโดยนโยบายหลายเรื่องที่นายทรัมป์ ดำเนินการไว้ นายไบเดน ต้องการยกเครื่องครั้งใหญ่ ในช่วง 10 วันแรกของการทำงาน เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประชาชนในประเทศ และแก้ไขภาพลักษณ์ของอเมริกันในสายตาชาวโลก




‘ทรัมป์’ วางแผนออกจากทำเนียบขาว อย่างยิ่งใหญ่



          ความเคลื่อนไหวของนายทรัมป์ ก่อนที่จะลงจากตำแหน่ง และยืนยันมาก่อนหน้านี้ว่าจะไม่เข้าร่วมในพิธีสาบานตนรับตำแหน่งของนายไบเดน CNN ของสหรัฐฯ รายงานว่านายทรัมป์มีแผนที่จะเดินทางออกจากกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในเช้าวันพุธ 20 ม.ค.64 นายทรัมป์จะบินกลับไปที่ปาล์ม บีช เพื่อเริ่มต้นชีวิตของการเป็นอดีตประธานาธิบดีที่มาลาโก คลับ (Mar-a-Lago club) โดยคาดกันว่าเขาจะอยู่ที่รัฐฟลอริดาระหว่างที่นายไบเดนทำพิธีสาบานตนในช่วงเที่ยงของวันนั้น



          บิสซิเนสอินไซเดอร์ รายงานว่า นายทรัมป์ วางแผนให้ตัวเองยังคงอยู่ในเป้าสายตาผู้คนต่อไปด้วยการจัดพิธีการเดินทางออกจากทำเนียบขาวอย่างเป็นทางการของเขาอย่างยิ่งใหญ่



          เอบีซีนิวส์ รายงานว่านายทรัมป์ ต้องการให้มีการปูพรมแดง การแสดงวงโยธวาทิตของกองทัพ และการยิงสลุต 21 นัด ในวันที่ลงจากตำแหน่งด้วย

          รายงานข่าวระบุว่า แผนการเดินทางของนายทรัมป์ ยังไม่มีความชัดเจน เปลี่ยนแปลงได้เสมอ



          ศูนย์วิจัยพิว (Pew Research Center) ชี้ว่า โพลสำรวจล่าสุดพบว่านายทรัมป์มีคะแนนความนิยมเหลือแค่ร้อยละ 29 และยังมีเรตติ้งในทางลบเพิ่มสำหรับพฤติกรรมหลังการเลือกตั้งด้วย




 



 

ข่าวทั้งหมด

X