ญี่ปุ่นมีอัตราการฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นในช่วงที่มีสถานการณ์โควิดระลอก 2

17 มกราคม 2564, 14:41น.


          มหาวิทยาลัยฮ่องกงและสถาบันผู้สูงอายุแห่งโตเกียว เผยแพร่รายงานลงในนิตยสารพฤติกรรมตามธรรมชาติของมนุษย์ (Nature Human Behavior) ที่ว่าในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 2 ระหว่างเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม 2563 มีชาวญี่ปุ่นฆ่าตัวตายมากกว่าในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า (2562) และเป็นจำนวนที่มากกว่าในช่วงที่มีการระบาดในระลอกแรก และผู้ฆ่าตัวตายส่วนใหญ่คือผู้หญิงและเด็ก



          อัตราการฆ่าตัวตายในเดือนกรกฎาคม - ตุลาคมเพิ่มขึ้นร้อยละ 16 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า และเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นในระดับ 2 จุดจากในเดือนกุมภาพันธ์ - มิถุนายนที่มีอัตราร้อยละ 14



          ผู้วิจัยระบุในรายงานว่า สถานการณ์ของโรคระบาดและเศรษฐกิจที่ผิดปกตินี้ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของเด็กวัยรุ่นและเพศหญิง (โดยเฉพาะแม่บ้าน) โดยในการระบาดรอบแรกนั้นรัฐบาลได้ใช้มาตรการลดชั่วโมงการทำงานและปิดโรงเรียน และมีการออกมาตรการให้ความช่วยเหลือ แต่เมื่อสถานการณ์โรคระบาดยืดเยื้อ ปัญหาความเครียดจะไปตกอยู่ที่แม่บ้าน และผู้หญิงทำงานที่มีความเสี่ยงจะถูกเลิกจ้างก่อนผู้ชาย ทั้งยังมีปัญหาความรุนแรงในครอบครัวเพิ่มขึ้น



          ขณะที่อัตราการฆ่าตัวตายในกลุ่มเด็กเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 49 ในการระบาดระลอกที่ 2 ซึ่งเป็นช่วงเวลาหลังจากที่มีการปิดโรงเรียนทั่วประเทศ



          ในเดือนนี้นายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ สึกะ ได้ออกประกาศภาวะฉุกเฉินโควิด-19 สำหรับโตเกียวและจังหวัดใกล้เคียง รวมไปถึงโอซากาและเกียวโต นายทาโร่ โคโนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงปฏิรูปการบริหารและการกำกับดูแล เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี (14 ม.ค.) ว่าสถานการณ์ฉุกเฉินนี้อาจควบคุมโรคระบาดให้ลดความรุนแรงลงได้ แต่จะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและสังคม ประชาชนจำนวนมากมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์โรคระบาด หลายคนก็ฆ่าตัวตายเพราะต้องตกงาน สูญเสียรายได้และมองไม่เห็นความหวัง จึงมีความจำเป็นที่จะต้องสร้างความสมดุลระหว่างการจัดการโควิด-19 กับการจัดการเศรษฐกิจ



...

ข่าวทั้งหมด

X