หลังเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า รัฐบาลอยากให้คนไทยทุกคนช่วยกันรักษาวินัยเพื่อให้ผ่านพ้นช่วง 2 เดือนนี้ไปให้ได้เร็วที่สุด โดยเฉพาะในเดือนมีนาคมนี้ รัฐบาลตั้งใจว่าจะต้องเอาให้อยู่ และดูแลสถานการณ์ต่างๆให้ได้ ซึ่งการระบาดในระลอกนี้ส่วนตัวมองว่าโชคดีที่รัฐบาลมีประสบการณ์ในการบริหารจัดการกับการระบาดในรอบแรกมาก่อน จึงได้เตรียมความพร้อมรองรับเอาไว้แล้ว และเชื่อว่าจากนี้ทุกอย่างน่าจะปรับตัวดีขึ้น
สิ่งสำคัญตอนนี้คือ ขอให้คนไทยช่วยกันรักษาวินัย เพราะถ้าผ่านเรื่องนี้ 2 เดือนไปให้ได้ยิ่งดี จะได้พิสูจน์ว่าเราทำได้เร็วกว่าคราวก่อนที่มีการระบาด ซึ่งรัฐบาลก็มีการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบนานถึง 3 เดือน มารอบนี้จะต้องไม่ทำให้ดีเท่าเดิม เพราะต้องทำให้ดีกว่ารอบเก่าให้ได้ โดยการเยียวยาเงินให้ 2 เดือน ก็ถือว่ามีความเหมาะสมและผ่านการคิดของทุกหน่วยงานมาแล้ว ซึ่งเรื่องนี้เรามีการเรียนรู้ประสบการณ์มาจากครั้งก่อนจึงบริหารจัดการได้ และงบประมาณที่มาจากเงินกู้ แม้ว่าจะใช้จำนวนมากแต่ก็ยืนยันว่าเพียงพอ
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวอีกว่า หลังจากสถานการณ์ดีขึ้นก็ต้องเริ่มการฟื้นฟูเศรษฐกิจอีกรอบ เพราะปีนี้รัฐบาลได้ประกาศเอาไว้ตั้งแต่แรกว่าจะเป็นปีแห่งการดึงดูดอุตสาหกรรมสมัยใหม่ให้เข้ามาลงทุนในประเทศ ตอนนี้จึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมและทำงานคู่ขนานกันไปกับการเยียวยารักษาสถานการณ์ภายในประเทศให้ดี ล่าสุดก็ได้สั่งการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน คือ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ให้พยายามเร่งพบปะนักลงทุนผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ และปรับปรุงกฎกติกามารองรับ โดยจากการรายงานก็รับทราบว่า มีนักลงทุนต่างชาติหลายรายยังสนใจลงทุนในประเทศไทยอยู่
กรณีโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย หลังจากบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า บริษัทฯ ได้รับหนังสือแจ้งการบอกเลิกสัญญาสัมปทานรวม 7 ฉบับ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวว่า ขณะนี้นายกรัฐมนตรีได้รับหนังสือขอความช่วยเหลือจาก เอกชนแล้ว โดยเรื่องนี้ถือเป็นข้อพิพาทของรัฐบาลเมียนมากับเอกชนไทย แต่รัฐบาลไทยก็ไม่ทอดทิ้ง และขอดูข้อเท็จจริงของเรื่องที่เกิดขึ้นก่อน จากนั้นจึงมาพิจารณาข้อร้องเรียนของเอกชนว่ารัฐบาลจะช่วยเหลือได้อย่างไรบ้าง แต่ไม่ต้องกังวลเพราะกรณีนี้มีข้อตกลงภายใต้สัญญาประชาคมอาเซียน และความร่วมมือก็ 3 ฝ่ายคือไทย เมียนมา และญี่ปุ่น รัฐบาลจะยังคงติดตามอยู่และไม่ทอดทิ้งอะไร ส่วนวงเงินกู้ที่รัฐบาลไทยกันไว้ให้รัฐบาลเมียนมา 4,500 ล้านบาท เพื่อสร้างถนนยาว 139 กิโลเมตรจากชายแดน จ.กาญจนบุรีไปถึงทวาย ซึ่งรัฐบาลก็คงกันเงินจำนวนนี้ไว้ต่อไป