นายวิลเบอร์ รอส รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งคว่ำบาตรจีนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนพ้นตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคมนี้ เพิ่ม 9 บริษัทรายใหญ่ของจีนในรายชื่อที่ถูกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯขึ้นบัญชีดำฐานมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกองทัพจีน ทำให้กลุ่มบริษัทในรายชื่อที่ถูกขึ้นบัญชีดำจะต้องยื่นเรื่องต่อกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯขอใบอนุญาตพิเศษ ก่อนรับมอบสินค้าส่งออกประเภทเทคโนโลยีชั้นสูงจากซัพพลายเออร์ของสหรัฐฯ
9 บริษัทที่ถูกขึ้นบัญชีดำ รวมถึงบริษัทเสี่ยวหมี่ ซึ่งจากผลสำรวจเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อน ระบุว่า แซงหน้าบริษัทแอปเปิ้ลของสหรัฐฯ ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ผลิตเครื่องสมาร์ทโฟนรายใหญ่อันดับที่ 3 ของโลก(รองจากซัมซุงจากเกาหลีใต้และหัวเหว่ยจากจีน)และบริษัทไชน่า เนชั่นแนล ออฟชอร์ ออยล์ คอร์เปอเรชั่น(CNOOC) บริษัทน้ำมันของรัฐที่ถูกสหรัฐฯกล่าวหาว่าใช้อำนาจการทหารที่เหนือกว่าข่มขู่คุกคามเพื่อนบ้าน โดยเข้าไปสำรวจทรัพยากรน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในทะเลจีนใต้ โดยสหรัฐฯ กล่าวหา CNOOC เป็นเครื่องมือของกองทัพจีนในการข่มขู่คุกคามเพื่อนบ้านที่มีปัญหาอาณาเขตพิพาทในทะเลจีนใต้ เช่น เวียดนาม ฟิลิปปินส์และไต้หวัน
ทั้งนี้ สหรัฐฯและประเทศจีน เริ่มทำสงครามทางการค้ามาตั้งแต่ปี 2561 ต่างฝ่ายต่างตอบโต้กันด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากอีกฝ่ายหนึ่ง สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจต่อทั้งสองฝ่าย ขณะที่อ็อกซฟอร์ด อีโคโนมิกส์ บริษัทวิจัยชั้นนำของอังกฤษ ระบุว่า สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนสร้างความเสียหายต่อบริษัทสหรัฐฯอย่างรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา คนงาน 245,000 คนในสหรัฐฯถูกเลิกจ้าง อาจจะทำให้จีดีพีของสหรัฐฯหดหายราว 1.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯในช่วง 5 ปีข้างหน้า
Cr: BBC