ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้เวลา 08.30 น.วันศุกร์ที่ 15 มกราคม 2564

15 มกราคม 2564, 09:22น.



ทีมเศรษฐกิจปิดห้อง หาข้อสรุปมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 'เราชนะ'



          นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ช่วงเย็นวานนี้ กระทรวงการคลังหารือร่วมกับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่กระทรวงพลังงาน โดยเป็นการหารือเกี่ยวกับรายละเอียดของโครงการเราชนะ ก่อนนำรายละเอียดเข้าที่ประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในวันนี้ 15 ม.ค.64  เนื่องจาก โครงการดังกล่าวต้องใช้งบประมาณจากพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท จากนั้นจะนำรายละเอียดข้อสรุปเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 19 ม.ค.64 ตามที่นายกรัฐมนตรีสั่งการไว้



ก.คลัง ปฎิเสธ แจกเงินในโครงการ 'เราชนะ' แค่ 28 จังหวัด



          รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวถึง กระแสข่าวว่าโครงการเราชนะที่จ่ายเงิน 3,500 บาทต่อคนต่อเดือน ต่อเนื่องเป็นเวลา 2 เดือน จะเยียวยาให้เฉพาะในพื้นที่สีแดง 28 จังหวัดว่าไม่เป็นความจริง ขณะนี้อยู่ระหว่างการทำรายละเอียดของโครงการ เบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มเปิดให้ลงทะเบียนโครงการเราชนะเร็วที่สุดปลายเดือนนี้



          สำหรับความชัดเจนของรายละเอียด เงื่อนไข หลักการต่างๆ เช่น เกณฑ์ของผู้ได้รับเงิน รูปแบบและวิธีการแจกเงิน การลงทะเบียน วันที่เปิดให้ลงทะเบียน วันที่โอนเงินให้ประชาชน และระยะสิ้นสุดโครงการที่ชัดเจน ต้องรอหลังประชุมครม.19 ม.ค. 64



          ในส่วนผู้ได้รับสิทธิโครงการเราชนะ เบื้องต้น กำหนดไว้ประมาณ 30-35 ล้านคน ในกลุ่มผู้มีรายได้น้อย กลุ่มอาชีพอิสระ กลุ่มลูกจ้างที่ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม



          ส่วนผู้ไม่ได้รับสิทธิคือ กลุ่มผู้อยู่ในระบบประกันสังคม มาตรา 33 กลุ่มข้าราชการ พนักงานราชการ พนักงานภาครัฐวิสาหกิจ และผู้มีรายได้สูง



CR:กระทรวงการคลัง



เอกชน หวังว่า วัคซีนจะช่วยทำให้การส่งออกเพิ่มขึ้น แต่ยังห่วงค่าเงินแข็งค่า-ต้นทุนค่าขนส่งสูงขึ้น   



          แนวโน้มการส่งออกปีนี้ นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย วิเคราะห์ทิศทางการส่งออกไทยปี 2564 ภายใต้สถานการณ์ที่ทั่วโลกยังเผชิญกับการระบาดของโควิด-19



-กรณีการผลิตวัคซีนโควิด-19 ได้ตามเป้าหมายร้อยละ 40 ของประชากรโลก ไทยจะมีมูลค่าการส่งออก 237,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือขยายตัวร้อยละ 3.6



-กรณีไม่สามารถผลิตวัคซีนโควิด-19 ได้ตามเป้าหมาย ผลิตได้น้อยกว่าร้อยละ 40 ของประชากรโลก และจำนวนผู้ติดโควิดวันละ 700,000-800,000 คน ไทยจะมีมูลค่าการส่งออก 227,165 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือหดตัว ติดลบร้อยละ 0.8



ปัจจัยต่างๆที่ต้องติดตาม



-ปัจจัยบวกต่อการส่งออกที่สำคัญ คือ เศรษฐกิจโลกและประเทศคู่ค้าเริ่มพื้นตัว เมื่อปลายปีที่แล้ว ประเทศต่างๆ เริ่มมีการฉีดวัคซีนโควิด-19 ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นกว่าปี 2563 การลงนามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซป)



-ปัจจัยเสี่ยงต่อการส่งออกที่สำคัญ คือ ไม่สามารถผลิตวัคซีนโควิด-19 ครอบคลุมประชากรโลก ค่าเงินบาทที่มีทิศทางแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ปัญหาตู้สินค้าขาดแคลน และต้นทุนค่าขนส่งสูงขึ้น ผลกระทบจากกรอบความตกลงการค้าเสรีระหว่างเวียดนามกับสหภาพยุโรป (EVFTA) ทั้งนี้ การมีวัคซีนยังไม่ใช่คำตอบของทั้งหมด เพราะแม้แต่จะมีวัคซีนไม่ได้หมายความว่าทั่วโลกจะปลอดวัคซีนและอาจยังมีการล็อกดาวน์ในบางประเทศ 



-ปัจจัยอื่นๆ ที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจและการส่งออกของไทยที่ต้องติดตามในปีนี้ คือนโยบายของนายโจ ไบเดนประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลต่อเศรษฐกิจรวมโดยรวม การเปลี่ยนแปลงหลังสหราชอาณาจักรลงประชามติให้ถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (เบร็กซิท) อังกฤษและแคนาดา แบนสินค้าจีน



หลัง 2 สัปดาห์สุดท้ายเดือนม.ค. อาจผ่อนคลายมาตรการได้   



          การประเมินสถานการณ์มาตรการเพื่อเข้าสู่มาตรการผ่อนคลายจะเริ่มได้เมื่อใด นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศบค. กล่าวว่า ล่าสุดประกาศมาตรการออกมาวันที่ 4 ม.ค.64 ที่ประชุมศบค.จึงนับเป็นวันแรกของการออกมาตรการที่สั่งกันทั่วประเทศ หากนับ 14 วันที่ปลอดภัยจากโรค โควิด-19 จะครบวันที่ 17 ม.ค.64 โดยพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการการศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 ขอให้ทุกจังหวัดสั่งเข้มออกข้อกำหนดทั้งหลายให้เต็มที่ถึงวันที่ 17 ม.ค.64 และต้องประเมินกันอีกครั้งใน 2 สัปดาห์ถัดไป ซึ่งการสิ้นสุดการใช้มาตรการชุดนี้วันที่ 31 ม.ค.64 เป็นช่วงการดูผลของการออกฤทธิ์ หากตัวเลขลดลงเรื่อยๆท่ากับเราใช้ยาได้ผล หลังวันที่ 31 ม.ค.64 ก็ไม่ต้องยกระดับมาตรการขั้นที่ 2 อย่างไรก็ตาม ตลอดเดือนมกราคม ขอแรงทุกคนช่วยทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลง จะได้ไม่ต้องเห็นภาพจากการใช้ยาแรง



ศบค.เผยหากตัวเลขผู้ติดเชื้อ 10 จังหวัด ลดลง ตัวเลขทั้งประเทศจะลดลง



         โฆษก ศบค. เปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อในประเทศระหว่างวันที่ 15 ธ.ค.63-14 ม.ค.64 มียอดรวม 7,025 คน แต่เมื่อแยกย่อยเป็นรายสัปดาห์ จะเห็นว่าสัปดาห์แรกของปีนี้กราฟยังพุ่งสูงขึ้นมีผู้ติดเชื้อรวม 2,674 คน แต่สัปดาห์นี้กราฟลดลงมา ผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 1,209 คน ถือว่าวางใจได้ระดับหนึ่ง แต่ยังกลัววันเดียวเพิ่มขึ้นมาจึงต้องช่วยกันเพื่อลดกราฟลงมาให้ได้ ขณะเดียวกันนี้ มีผู้ติดเชื้อกระจายอยู่ใน 60 จังหวัด และมี 17 จังหวัดที่ยังไม่มีรายงานผู้ติดเชื้ออยากให้เป็นศูนย์ไปตลอด



          ส่วนจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 50 คน มี 10 จังหวัด เมื่อวานนี้(14 ม.ค.64 )  2 ใน 10 จังหวัดคือ จันทบุรี และนครปฐม ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่ม และมี 4 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อลดลงคือ ชลบุรี ระยอง กรุงเทพฯและสมุทรปราการ เพราะเป็นผลมาจากการค้นหาเชิงรุก หาก 10 จังหวัดนี้ตัวเลขลดลงมาได้จะทำให้ตัวเลขของทั้งประเทศลดลงมาอย่างเห็นได้ชัด 




ฝากขัง 5 ผู้ต้องหา เอี่ยวค้ายาเคนมผง 



          การสอบสวนคดี เคนมผง หลังจากมีผู้เสพเสียชีวิตแล้วหลายราย พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวว่า ภาพรวมผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการเสพยาเสพติดชนิดนี้ มีทั้งสิ้น 23 คน ในจำนวนนี้ ผู้เสียชีวิต 9 ราย อยู่ระหว่างรักษาตัว 5 คน โดยอยู่ในห้องไอซียู 3 คน ที่เหลือกลับบ้านได้แล้ว



-พื้นที่ สน.วัดพระยาไกร เจ้าหน้าที่คุมตัวผู้ต้องหา 4 คน ส่งฟ้องศาลอาญากรุงเทพใต้ ประกอบด้วย นายวิรัฐ หรือป๋อง กาเผือก อายุ 26 ปี นายวัชระ หรือโบ้ เชียงฉิน อายุ 22 ปี นายนพเก้า หรือตูมตาม อบถม อายุ 26 ปี และนายชาตรี หรือโจ ศรีสมบัติ อายุ 18 ปี 4 เดือน มาฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่ 14-25 ม.ค.64 เนื่องจากต้องสอบปากคำพยานอีก 10 ปาก รอผลการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร ผลการตรวจพิสูจน์ยาเสพติดให้โทษของกลาง ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูงเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถาม ผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้านจึงอนุญาตให้ฝากขังได้โดยไม่มีญาติผู้ต้องหามายื่นขอปล่อยชั่วคราว จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปคุมขังในเรือนจำ



-พื้นที่ สน.สายไหม พนักงานสอบสวน สน.สายไหม นำตัวนายรัตนโชค หรือจิ้ม กีรติโชติ อายุ 21 ปี ผู้ต้องหามียาเคตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกที่ศาลอาญา รัชดาภิเษก จำนวน 12 วัน สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาโดยหากผู้ต้องหายื่นประกันขอให้อยู่ดุลพินิจศาล ศาลพิจารณาแล้ว อนุญาตให้ฝากขังได้ ไม่ปรากฏว่ามีญาติมายื่นประกันตัว พนักงานราชทัณฑ์ควบคุมตัวผู้ต้องหาไปคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ



-พื้นที่ สน.สุทธิสาร เชื่อว่า จะมีความคืบหน้า 1-2 วันนี้ กรณีที่หญิงวัยรุ่น 19 ปี พนักงานเสิร์ฟเสียชีวิต และพบแชตที่ผู้เสียชีวิตสั่งซื้อยาเสพติดจากคนจำหน่ายและเรียกยาเสพติดว่า ‘ทะเลทราย’



-พื้นที่ สน.โชคชัย พบว่ามีผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด 5 คน เป็นการนัดหมายมาเสพยาในห้องเช่าย่านลาดพร้าววังหิน จนเสียชีวิต 2 ราย คือ นายพารวย หรือไอซ์ และ น.ส.ปรีดาภรณ์ หรือกุ้ง เพื่อนนายไอซ์ ขณะที่ น.ส.สุวรรณี หรือฝ้าย แฟนนายไอซ์ ยังคงรักษาตัวที่ รพ.เปาโล ส่วนนายเต๋า อาการดีขึ้นและให้การเป็นประโยชน์ เช่นเดียวกับ น.ส.ดรีม ยอมรับว่าดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ได้เสพยาเสพติด ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สืบทราบว่ามีผู้เกี่ยวข้อง 2 คน เป็นคนนำยามาส่งให้อยู่ระหว่างการติดตามตัว โดยพบว่ายาดังกล่าวนำมาจากแถบปริมณฑล



เตรียมนำผลการเข้าเครื่องจับเท็จของลุงพล-ป้าแต๋น ส่งให้พนักงานสอบสวน



          หลังจากเรื่องราวซาไปได้สักพัก จากที่เคยเป็นคดีดังเมื่อปีที่แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจเริ่มเปิดฉากสอบสวนคดีน้องชมพู่ อีกครั้ง โดยนำบุคคลที่ใกล้ชิดและสามารถเข้าถึงตัวด.ญ.วัย 3 ขวบ ที่หายตัวไปและพบเป็นศพบนภูหินเหล็กไฟ ใกล้กับหมู่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร นำมาเข้าเครื่องจับเท็จ เพื่อเป็นการค้นหาความจริงของคดีนี้ด้วยกระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เจ้าหน้าที่ได้ให้นายไชย์พล วิภา หรือลุงพล กับนางสมพร หลาบโพธิ์ หรือป้าแต๋น เข้าเครื่องจับเท็จ มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่จะนำผลการเข้าเครื่องจับเท็จส่งให้พนักงานสอบสวน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นหลักฐานประกอบ เพื่อออกหมายจับคนที่เกี่ยวข้อง



 

ข่าวทั้งหมด

X