ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้เวลา 07.30 น.วันพุธที่ 13 มกราคม 2564

ขยายผล! รวบ 2 ผตห. ขายยา เคนมผง พร้อมของกลางรวม 27 กรัม

          พ.ต.อ.ศักดิ์สิทธิ์ มีสวัสดิ์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 พร้อมด้วย พ.ต.ท.อรรถพงษ์ จันทนะสร รอง ผกก.สอบสวน สน.สายไหม พ.ต.ท.เข็มกล้า มั่นพลับ สว.สส.สน.ดอนเมือง ร.ต.อ.ประพันธ์ พูนรัตน์ รองสว.สส.สน.เตาปูน (ช่วยราชการ ชปส.บก.น.2) ร.ต.ท.จรัส ผึ้งเถื่อน รอง.สว.สส.สน.ทุ่งสองห้อง ได้ร่วมกันจับกุมนายนฤเดช หรือ ฟิวเจอร์ ภู่หอม อายุ 19 ปี และ นายนพดล หรือฮัท นุตตะโยธิน อายุ 20 ปี พร้อมของกลางเป็นยาเคตามีน รวม 27 กรัม จับกุมทั้งสองคนได้ภายในคอนโดเดอะคิทท์ ลำลูกกา เฟส 3 หมู่ 5 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี แจ้งข้อหามีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (เคตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย

          ด้าน ร.ต.อ.ประพันธ์ กล่าวว่า เป็นการขยายผลจากการสอบปากคำ น.ส.ศิริกาญจน์ หรือนุ่น เชื้อเขตกรรม อายุ 23 ปี ที่ถูกจับได้พร้อมของกลางยาเคตามีน 5 กรัม จนทราบว่าผู้ต้องหาซื้อยามาจากวัยรุ่น ย่านลำลูกกา ที่พักอาศัยอยู่ที่คอนโดดังกล่าว

          จากการสอบปากคำ นายนฤเดช รับสารภาพว่า ยังมีวัยรุ่นจำหน่ายยาเค อยู่ภายในคอนโดนี้อีก โดยพักอาศัยอยู่ที่ อาคาร ซี 3 ห้อง 24/865 จึงได้ส่งสายไปซุ่มจนเป้าหมายกลับเข้ามาภายในห้อง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวเข้าจับกุมนายนพดล อยู่ในสภาพเมายาเสพติด จากการตรวจตัวพบยาเคตามีน จำนวน 10 ถุง น้ำหนักรวม 18.45 กรัม อยู่ในกระเป๋าเสื้อด้านหน้าข้างขวา ซึ่งนายนพดล รับสารภาพว่าซื้อยาทั้งหมดมาจาก นายอ้วน ไม่ทราบชื่อ นามสกุลจริง อยู่ที่ชุมชนวัดลุ่ม แขวงคลองถนน เขตสายไหม ในราคากรัมละ 500 บาท เจ้าหน้าที่ได้นำผู้ต้องหาทั้งสองคน ส่ง ร.ต.ท.พิชญ์ สุวัตถิกุล พนักงานสอบสวน สภ.คูคต ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ผบ.ตร.ประชุมคณะทำงานหาต้นตอแหล่งจำหน่าย ‘เคนมผง’

          พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)ประชุมความคืบหน้าทางคดีกับชุดทำงานที่ สน.วัดพระยาไกร และสอบปากคำผู้ต้องหา หลังศาลออกหมายจับผู้ต้องหา 4 คน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ

-นายวิรัฐ หรือ ป๋อง กาเผือก​ อายุ 26 ปี และนายวัชระ หรือโบ้ เชียงฉิน อายุ 22 ปี​ ซึ่งเป็นผู้นำยาเสพติดมาให้พีอาร์สาว เสพจนเสียชีวิต ภายในบ้านพักย่านถนนจันทน์ ซอย 31

-อีกกลุ่มคือนายโจ (นามสมมุติ) ​ อายุ 18 ปี และ นายนพเก้า หรือตูมตาม อบถม​ อายุ 26 ปี ที่เป็นพ่อค้ายาในพื้นที่ย่านพระราม 3

          ทั้งหมดถูกแจ้งข้อกล่าวหา มีในข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท1 (เมทแอมเฟตามีนและเฮโรอีน)​ ประเภท 3, 4 (เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (คีตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย

          ผบ.ตร.กล่าวว่า ผู้ต้องหาบางส่วนรับว่าเป็นผู้ที่ซื้อยาเสพติดมาเสพ และให้ข้อมูลว่ารับซื้อมาจากใคร ซึ่งเจ้าหน้าที่จะพยายามสืบหาไปยังแหล่งต้นตอจำหน่าย​ ส่วนการล่วงละเมิดทางเพศผู้หญิง รอผลการตรวจอย่างละเอียดทางการแพทย์อีกครั้ง

          ส่วนอาการผู้ได้รับบาดเจ็บหมดสติจากการเสพยาเคนมผง 2 คน ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเลิดสิน คือ นายทัชชัย หรือ ดรีม กล่อมใจ อายุ 23 ปี แฟนของสาวโคโยตี้ที่เสียชีวิต ในบ้านเช่าย่านถนนเจริญราษฎร์ และ น.ส.จันฑมาศ หรือพลอย เมืองวัฒนะ อายุ 24 ปี พีอาร์สาวเสพยาจนหมดสติในบ้านพักย่านถนนจันทน์ ซอย 31

ผบช.สตม. จับต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง 3 คดี มีคนไทยช่วยพาเข้ามา

          การติดตามจับกุมการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) จับได้ 3 คดี พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. เปิดเผยรายละเอียดการจับกุมแรงงานต่างด้าวหลายคดีว่า

-คดีแรก ตม.จังหวัดสระแก้ว จับกุมนายเยี่ยน (สงวนนามสกุล) ชาวจีน พร้อมพวกรวม 5 คนที่หลบหนีเข้าเมืองได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว สอบสวนให้การว่าทั้งหมดหนีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 จากประเทศเพื่อนบ้าน ลอบเข้าประเทศไทย ผ่านทางช่องทางธรรมชาติทางภาคเหนือ ก่อนเตรียมเดินทางต่อไปยังฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา โดยได้ว่าจ้างนายหน้าชาวไทยในราคา 50,000 บาท ชุดจับกุมจึงประสานโรงพยาบาลอรัญประเทศ ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ผลคือไม่พบเชื้อ จึงแจ้งข้อหา เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต นำตัวส่ง สภ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ดำเนินคดี

-คดีที่สอง ตม.จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จับกุมแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา รวม 7 คน และนายพลชัย (สงวนนามสกุล) กับ นายพุฒจักร (สงวนนามสกุล) ชาวไทย พร้อมของกลางรถตู้ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ได้ที่จุดคัดกรองโควิด-19 แยกหนองปริก หมู่ 5 ต.ทรายทอง อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ สอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่าแรงงานกลุ่มนี้เป็นคนงานแพปลาในจังหวัดปัตตานี แต่เนื่องจากโรคโควิด-19 ระบาดทำให้ไม่มีงานทำจึงต้องการเดินทางกลับประเทศ โดยมีนายพลชัย และนายพุฒจักร เป็นนายหน้ารับค่าจ้าง คนละ 5,000 บาท พาไปส่งที่ปั๊มแก๊ส ย่านพระรามสอง 2 เพื่อให้หารถเดินทางกลับไปที่ จ.สระแก้ว เจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาฐานฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน มาตรา 9 เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และแจ้งข้อหาชาวไทยทั้งสองเพิ่มเติมฐานร่วมกันช่วยเหลือซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรพ้นจากการจับกุม พร้อมตรวจคัดกรองเชื้อโควิด-19 ผลปรากฏเป็นลบ จึงคุมตัวพร้อมของกลางส่ง สภ.บางสะพานน้อย ต่อไป

-คดีที่สาม ตม.จังหวัดจันทบุรี จับนายจิรวัฒน์ (สงวนนามสกุล) และนางภาลิณีย์ (สงวนนามสกุล) พร้อมแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา 6 คน และยึดรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ ปาเจโร สีเทา ของกลาง บริเวณริมถนนสายมะรุม-ฐานโอเฌอกรอม ช่วงรอยต่อชาวแดนไทย-กัมพูชา จากการสอบถามนายจิรวัฒน์ และนางภาลิณีย์ รับว่าได้รับการติดต่อจากคนไทยให้มารับแรงงานต่างด้าวที่บริเวณดังกล่าวแล้วนำไปส่งใน จ.ชลบุรี จากนั้นจะมีนายจ้างมารับตัวไปทำงานในจังหวัด ขณะที่แรงงานต่างด้าว ให้การว่าต้องการหนีออกจากประเทศกัมพูชาเพื่อเข้ามาทำงานในประเทศไทย โดยจ่ายเงินให้กับนายหน้าฝั่งกัมพูชาหัวละ 2,000 บาท เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาชาวไทยทั้ง 2 คนฐาน ร่วมกันช่วยเหลือซ่อนเร้นด้วยประการใด ๆเพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายเพื่อให้พ้นจากจับกุม และแจ้งข้อหาชาวกัมพูชาว่า เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.โป่งน้ำร้อน ดำเนินคดี

ลงโทษทางวินัย ผบก.-ผบ.หมู่ 189 นาย อมเบี้ยเลี้ยงโควิด-19 โทษสูงสุดไล่ออก

          พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) สรุปเรื่องการตรวจสอบเบี้ยเลี้ยงโควิด-19 ว่ามีข้าราชการตำรวจที่เข้าสู่กระบวนการทางวินัย ประมาณ 189 นาย จากพื้นที่ นครบาล และ ตำรวจภูธรจังหวัดรวม 23 จังหวัด ทั้งระดับกองบังคับการ ภูธรจังหวัด และ ระดับสถานีตำรวจ รวม 73 หน่วย โดยมีตั้งแต่ระดับ พล.ต.ต. หรือผู้บังคับการ จำนวน 5 นาย พ.ต.อ. จำนวน 48 นาย นอกนั้นเป็นระดับ รอง ผกก., สว., รอง สว. และ ผบ.หมู่ รวม 136 นาย ซึ่งมีการพิจารณาโทษตามแต่เจตนาของผู้กระทำผิดตั้งแต่เบาไปถึงหนักตั้งแต่ว่ากล่าวตักเตือน การภาคทัณฑ์ การกักยาม การกักขัง การตัดเงินเดือน และหนักสุดคือ การเสนอเข้าสู่การสอบสวนพิจารณาวินัยร้ายแรง ซึ่งหากมีหลักฐานยืนยัน ก็จะเข้าสู่การลงโทษ ปลดออก ไล่ออก และดำเนินคดีทางอาญาต่อไป 

สหพันธ์แบดมินตัน-สมาคมแบดมินตัน ยืนยันผลตรวจโควิด-19  นักกีฬา 3 คน ไปต่อ ส่วน 1 คน ถอนตัว

          สหพันธ์แบดมินตันโลก และสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย แถลงรายละเอียดเพิ่มเติมกรณีพบนักกีฬามีผลการตรวจติดเชื้อโควิด-19 ก่อนลงสนาม ประเทศไทย จัดการแข่งขัน 3 รายการใหญ่ รายการ "โยเน็กซ์ ไทยแลนด์ โอเพ่น" เวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 1000  ต่อด้วยรายการ "โตโยต้า ไทยแลนด์ โอเพ่น" เวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 1000  และ “เอชเอสบีซี บีดับเบิ้ลยูเอฟ เวิลด์ทัวร์ ไฟนอลส์ 2020” ชิงเงินรางวัลรวม 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ระหว่างวันที่ 12 - 31 ม.ค.2564 ที่อิมแพ็ค อารีนา เมืองทองธานี

- ผู้เข้าแข่งขันคือ ไซนา เนห์วาล จากอินเดีย เอชเอส ปรันนอย จากอินเดีย และโจนส์ รัลฟี แจนเซน จากเยอรมนี มีผลตรวจ PCR ออกมาเป็นบวก และมีค่า Antibody lgG เป็นบวกเช่นกัน แปลว่านักกีฬาทั้ง 3 คน ได้ผ่านการติดเชื้อมาก่อนหน้านี้ ไม่ได้แปลว่าปัจจุบันพวกเขายังคงมีเชื้ออยู่ รวมทั้งจากการสัมภาษณ์พบว่า นักกีฬาทั้ง 3 คน ได้ติดเชื้อมาเมื่อปลายปีที่แล้ว จากผลการตรวจดังกล่าว ผู้จัดการแข่งขันจึงมั่นใจว่าพวกเขาจะไม่เป็นอันตรายต่อบุคคลอื่น ๆ จากผลสรุปของทีมแพทย์ BWF และฝ่ายจัดการแข่งขัน จึงพิจารณาให้นักกีฬา ทั้งสามคนกลับเข้าทำการแข่งขันได้ ก่อนหน้านี้ เนห์วาล ขอถอนตัวออกจากการแข่งขัน

- ในขณะที่ อัดฮัม ฮาเต็ม เอลกามัล จากอียิปต์ ได้รับผลตรวจ PCR เป็นบวก แต่ค่า Antibody IgG เป็นลบ ซึ่งแปลว่าเขาไม่เคยมีการติดเชื้อมาก่อนหน้านี้ และเพราะเหตุนั้นทำให้เขาไม่มีภูมิคุ้มกันไวรัส คณะกรรมการจึงแนะนำให้เขาถอนตัวจากการแข่งขันในทันที

-ส่วน โดฮา ฮานี เพื่อนร่วมทีมคู่ผสมของเอลกามัล สังเกตอาการในโรงพยาบาลและตรวจหาเชื้อโควิด-19 และจะถูกแยกตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเวลา 10 วัน

          จากการยืนยันผลการตรวจเชื้อซ้ำ ทำให้ทีมชาติอียิปต์ เป็นทีมที่มีความเสี่ยงสูงตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข จึงได้ขอให้นักกีฬาอียิปต์ทั้งหมดอยู่ในการแยกกักตัวในห้องพัก เพื่อเตรียมทำการตรวจ PCR เพิ่มอีกครั้ง

          สหพันธ์แบดมินตันโลกและสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย จะปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในบับเบิ้ลของการแข่งขัน