ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันอังคารที่ 12 มกราคม 2564

ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันอังคารที่ 12 มกราคม 2564

ผบ.ตร.ลงพื้นที่สน.วัดพระยาไกร สอบผู้ต้องหา เกี่ยวข้องจำหน่าย ‘เคนมผง’

           พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือ ผบ.ตร. ,พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหรือ ผช.ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภัคพงค์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล หรือ ผบช.น. พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 หรือ ผบก.น.5 ร่วมกันสอบสวนผู้ต้องหาคดี เคตามีน “เคนมผง” จำหน่ายยาเสพติด มีผู้เสียชีวิตหลายคน สร้างความตื่นตระหนกให้สังคม โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ ได้สอบปากคำผู้ต้องหาเกี่ยวข้องกับการจำหน่าย‘เคนมผง’ จนมีผู้เสียชีวิตด้วยตนเอง รายงานข่าวแจ้งว่า ศาลอาญากรุงเทพใต้ได้อนุมัติออกหมายจับนายวิรัฐ หรือป๋อง และนายวัชระ หรือโบ้ ซึ่งเป็นผู้ค้ายารายย่อย นายชาตรี หรือโจ นามสมมุติ อายุ 18 ปี ผู้ค้ารายกลาง และนายนพเก้า หรือ ตูมตาม อบถม อายุ 26 ปี ในข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน , เฮโรอีน และเมทิลลีนไดออกซี่เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (เคตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อขาย และขายโดยผิดกฎหมาย

          สำหรับอาการของผู้ได้รับบาดเจ็บที่หมดสติจากการเสพยาเคนมผง ที่ยืนยันได้ขณะนี้ มี 2 ราย ยังรักษาตัวอยู่ที่ รพ.เลิดสิน ประกอบด้วย นายทัชชัย หรือดรีม กล่อมใจ อายุ 23 ปี แฟนหนุ่มของสาวโคโยตี้ที่เสียชีวิต ในบ้านเช่าย่านถนนเจริญราษฎร์ และ น.ส.จันฑมาศ หรือพลอย เมืองวัฒนะ อายุ 24 ปี เพื่อนของมานด์ พีอาร์สาวเสพยาจนหมดสติในบ้านพักย่านถนนจันทร์ซอย 31

รมว.คลังคาดเปิดลงทะเบียนคนละครึ่งรอบใหม่ได้ 20 ม.ค.

          หลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแถลงว่า "โครงการ"คนละครึ่ง" รอบเก็บตกนี้ จะเสนอครม.ภายในสัปดาห์หน้า 19 ม.ค.64 โดยใช้แหล่งเงินจาก พ.ร.ก.เงินกู้เพื่อขอนำมาใช้ระยะที่ 2 ส่วนการลงทะเบียนได้กำหนดไว้ว่า เมื่อครม.เห็นชอบแล้วคือในวันที่ 20 ม.ค. คาดว่าจะมีสิทธิคงเหลือมากกว่า 1 ล้านสิทธิ ซึ่งเป็นสิทธิที่คงเหลือจากเฟสแรก จำนวน 5 แสนสิทธิ และเฟส 2 จำนวน 5 แสนสิทธิ ซึ่งมาจากที่ผู้ลงทะเบียนไม่ผ่านเกณฑ์ และผู้ที่ได้รับสิทธิ แต่ยังไม่มีการใช้จ่ายภายใน 14 วัน คาดว่าหลังเปิดให้ลงทะเบียนรอบเก็บตกจะสามารถใช้จ่ายได้ทันวันที่ 25 มกราคม นี้

หุ้นไทยดีดบวก ขานรับมาตรการเยียวยาประชาชน

          ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,539.85 จุด เพิ่มขึ้น 3.36 จุด  มูลค่าการซื้อขาย 90,163.85 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่ายนี้ปรับตัวขึ้นสวนทางช่วงเช้าที่ติดลบ ขานรับมาตรการภาครัฐฯที่เตรียมกระตุ้นการบริโภค ด้วยการเยียวยารายได้จากผลกระทบโควิด-19 ให้แก่ประชาชนทุกกลุ่ม รวมไปถึง แรงงานนอกระบบ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ และเกษตรกร คนละ 3,500 บาท/เดือน เป็นเวลา 2 เดือน ทำให้คนมีการใช้จ่ายได้มากขึ้น และยังได้รับแรงหนุนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศ ในส่วนของผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศวันนี้มีเพียง 153 คน ซึ่งน้อยกว่า 200 คน/วัน ทำให้เห็นถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ดูดีขึ้น

          ส่วนเรื่องที่ภาครัฐฯต้องการให้ธนาคารพาณิชย์ช่วยเหลือลูกหนี้ อันนี้เป็นผลลบต่อกลุ่มแบงก์ แต่ก็ไม่ได้กระทบตลาดมาก เพราะตลาดให้ความสำคัญกับการบริโภคมากกว่า อย่างไรก็ดี มองหุ้นไทยยังมีโอกาสที่จะพักฐานจากแรงขายทำกำไรที่ออกมาบ้าง หลังจากที่ตลาดฯได้ปรับตัวขึ้นไปมากแล้ว โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ให้ระวังแรงขายทำกำไร

          ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดปรับตัวขึ้นในวันนี้จากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการรักษาโรคโควิด-19 แต่ตลาดปรับตัวขึ้นไม่มากนัก เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับผลกระทบของการประกาศภาวะฉุกเฉินในญี่ปุ่นเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ดัชนีนิกเกอิ ปิดตลาดที่ระดับ 28,164.34 จุด เพิ่มขึ้น 25.31 จุด  เป็นระดับปิดสูงสุดใหม่นับตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค. 2533

          ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดวันนี้พุ่งขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากเงินทุนไหลเข้าจากจีนแผ่นดินใหญ่อย่างต่อเนื่อง ดัชนีฮั่งเส็งปิดวันนี้ที่ 28,276.75 จุด เพิ่มขึ้น 368.53 จุด

กทม.เข้ม 8 ด่านตรวจคัดกรองโควิด-19 เตรียมพร้อมโรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียนตั้งโรงพยาบาลสนาม

          หลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กรุงเทพมหานคร (ศบค.กทม.) ได้กำชับให้ทุกจังหวัดตรวจคัดกรองการเดินทางข้ามจังหวัดอย่างต่อเนื่องและเข้มข้น โดยเฉพาะ 5 จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยกรุงเทพมหานคร โดยสำนักเทศกิจร่วมกับสำนักงานเขตจะประชุมพิจารณากำหนดแนวทางในการปฏิบัติงานขึ้นใหม่ โดยจะแจ้งรายละเอียดและรูปแบบที่ชัดเจนในวันพรุ่งนี้  สำหรับจุดตรวจคัดกรองประชาชนที่จะเดินทางเข้ามาในพื้นที่จำนวน 8 แห่ง ประกอบด้วย

1.บริเวณใต้สะพานข้ามแยกถนนพุทธมณฑลสาย 3 ถนนบรมราชชนนี ฝั่งขาเข้า เขตทวีวัฒนา

2.บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยเอเชีย ถนนเพชรเกษม ฝั่งขาเข้า เขตหนองแขม

3.บริเวณหน้าปั๊มน้ำมัน ป.ต.ท. สาขาพระราม 2 ซอย 92 ถนนพระราม 2 ฝั่งขาเข้า เขตบางขุนเทียน

4.บริเวณหน้าโรงเรียนศึกษานารีวิทยา ถนนเอกชัย เขตบางบอน

5.บริเวณคลังสินค้าประตู 8 ถนนวิภาวดีรังสิต ฝั่งขาเข้า เขตดอนเมือง

6.บริเวณแยกใต้ด่วนมหานคร ถนนสุวินทวงศ์ ฝั่งขาเข้า เขตหนองจอก

7.บริเวณหน้าครัวเจ๊ง้อ ถนนบางนา-ตราด ฝั่งขาเข้า เขตบางนา และ

8.บริเวณหน้าปั๊มน้ำมัน ปตท. (ไทยวารีค้าไม้) ถนนกาญจนาภิเษก ฝั่งขาเข้า เขตตลิ่งชัน

          สำหรับการเตรียมจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม เพื่อรองรับการดูแลผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในเบื้องต้นกรุงเทพมหานครได้เตรียมความพร้อมโรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน สำหรับสังเกตอาการผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการหรืออาการเล็กน้อยในพื้นที่ที่มีการควบคุมโดยเฉพาะพื้นที่ควบคุมสูงสุด สามารถรองรับได้ 500-600 เตียง รวมทั้งอยู่ระหว่างการจัดเตรียมพื้นที่เพื่อรองรับเพิ่มเติมอีก 3-4 แห่ง ซึ่งอยู่ระหว่างการสำรวจและทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ โดยหากดำเนินการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามได้ครบตามแผน คาดว่าจะสามารถรองรับผู้ป่วยได้ 1,500-1,700 เตียง

ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 มาเลเซีย ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศ

          กระทรวงสาธารณสุขมาเลเซียเปิดเผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่จำนวน 3,309 คน ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาด ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อในประเทศพุ่งขึ้นเป็น 141,533 คน ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น 4 ราย สู่ระดับ 559 ราย

          ก่อนหน้านี้สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านอับดุลเลาะห์ อาหมัด ชาห์แห่งมาเลเซียประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศในวันนี้ เพื่อให้รัฐบาลรับมือกับไวรัสโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดอย่างหนัก แถลงการณ์ระบุว่า ภาวะฉุกเฉินดังกล่าวจะดำเนินไปจนถึงวันที่ 1 ส.ค.หรือก่อนหน้านั้น โดยจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19

ไต้หวันพบผู้ป่วยใหม่ 4 คน รวมทั้งแพทย์-พยาบาล หลังไม่พบติดเชื้อมาตั้งแต่เดือนธันวาคมที่แล้ว

          นายเฉิน ชีห์ ชุง รัฐมนตรีสาธารณสุขของไต้หวัน เปิดเผยว่าไต้หวันพบการติดเชื้อโรคโควิด-19 รวม 4 คนในวันนี้ แบ่งเป็นการแพร่ระบาดในท้องถิ่น 2 คน คือ แพทย์คนหนึ่งประจำโรงพยาบาลทางตอนเหนือของไต้หวันที่รักษาคนไข้โควิด-19 และพยาบาลซึ่งเป็นลูกสาวของแพทย์ ทั้งคู่พักอยู่ในบ้านเดียวกัน แต่ลูกสาวไม่ได้ให้การรักษาคนไข้โควิด-19 นับเป็นครั้งแรกที่บุคลากรการแพทย์ติดโรคโควิด-19 นับแต่เริ่มระบาดในไต้หวันเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2563 และเป็นการติดเชื้อโรคโควิด-19 ในท้องถิ่นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคมปีแล้ว

          อีก 2 คนเป็นผู้โดยสารจากต่างประเทศ คือชาวไต้หวันหนึ่งคนที่กลับจากต่างประเทศ และชาวอังกฤษที่เดินทางมาจากอังกฤษ ก่อนหน้านี้ ไต้หวันไม่พบผู้ป่วยใหม่มาตั้งแต่วันที่ 12 เมษายนปีที่แล้ว โดยกลุ่มที่ติดเชื้อโรคโควิด-19 ของไต้หวันส่วนใหญ่เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้ารับการกักกันในศูนย์กักกันของรัฐ

          ทั้งนี้ ไต้หวันประสบความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เนื่องจากใช้มาตรการควบคุมโรคแต่เนิ่นๆ เช่น การตรวจคัดกรองผู้โดยสารจากประเทศจีนและการปิดชายแดน นับตั้งแต่เริ่มมีรายงานการแพร่ระบาดใหม่ๆในเมืองอู่ฮั่น ทางภาคกลางของประเทศจีนเมื่อปลายปี 2562 และการที่ประชาชนส่วนใหญ่นิยมสวมหน้ากากอนามัย

          ในปัจจุบัน ไต้หวันมีผู้ป่วยสะสม 838 คน เสียชีวิต 7 ราย

"โจ ไบเดน" รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มที่สอง ให้คำมั่นจะแจกจ่ายวัคซีน และฉีดให้ชาวอเมริกัน 100 คนใน 100 วัน

          นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดสที่ 2 เมื่อวันจันทร์ตามเวลาสหรัฐฯ โดยห่างจากโดสแรกเป็นเวลาสี่สัปดาห์ ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองเนวาร์ค รัฐเดลาแวร์ โดยนายไบเดนเข้ารับการฉีดวัคซีนโดสแรกเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. ซึ่งเป็นวัคซีนที่ฉีดเป็นของบริษัทไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค ระหว่างการเข้ารับวัคซีนโดสที่ 2 นั้น นายไบเดน ยังได้ขอความร่วมมือให้ชาวอเมริกันสวมหน้ากากอนามัยกันต่อไป พร้อมกับโบกหน้ากากอนามัยสีดำของตัวเองไปด้วย

          ทั้งนี้ สหรัฐฯได้แจกจ่ายวัคซีนของไฟเซอร์และวัคซีนของโมเดอร์นาไปทั่วประเทศแล้ว หลังผ่านการอนุมัติให้ใช้เป็นกรณีฉุกเฉิน ซึ่งวัคซีนของทั้งสองบริษัทนั้นต้องฉีดสองโดสและเว้นระยะห่างกันหลายสัปดาห์ ก่อนหน้านี้ นายไบเดนได้ให้คำมั่นที่จะดำเนินการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่สหรัฐฯครอบครองอยู่เกือบทั้งหมดให้ประชาชน หลังเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค.นี้ แทนการเก็บวัคซีนไว้เพื่อฉีดโดสที่ 2

          นอกจากนี้ นายไบเดนยังวางแผนฉีดวัคซีนให้ชาวอเมริกัน 100 ล้านคนให้ได้ใน 100 วันแรกที่เข้าดำรงตำแหน่ง สวนทางกับแผนการฉีดวัคซีนภายใต้การบริหารงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเนื่องจากดำเนินการล่าช้า ทำให้ไม่สามารถบรรลุแผนการขั้นแรกที่จะฉีดวัคซีนให้ประชาชน 20 ล้านคนได้ภายในสิ้นปีที่แล้ว

ส.ส.หญิงพรรคเดโมแครต วัย 75  ปี เผย ติดโควิด-19 คาดรับเชื้อช่วงม็อบหนุน "โดนัลด์ ทรัมป์" บุกรัฐสภา

          นางบอนนี วัตสัน โคลแมน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรคเดโมแครต วัย 75 ปี เปิดเผยว่า เธอมีผลตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นบวก และเชื่อว่าเธอติดเชื้อในระหว่างการถูกพาตัวไปยังสถานที่ปลอดภัยในช่วงที่กลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์บุกเข้าไปในอาคารสภาคองเกรสเมื่อวันพุธที่แล้ว โคลแมน เป็นหนึ่งในสมาชิกสภาคองเกรสอีกหลายสิบคน ที่ถูกพาตัวไปยังสถานที่ปลอดภัย เมื่อกลุ่มสนับสนุนปธน.ทรัมป์ บุกเข้าไปก่อจลาจลในอาคารรัฐสภา และพบว่าในสถานที่แห่งนั้น มีสมาชิกสภาคองเกรสจำนวนมากที่ไม่ได้สวมใส่หน้ากากอนามัยตามข้อกำหนด

          ทั้งนี้ นางวัตสัน โคลแมน ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างกักตัวที่บ้านได้ทวีตข้อความระบุว่า “หลังจากเหตุการณ์จลาจลเมื่อวันพุธที่แล้ว ซึ่งรวมถึงการที่ต้องเข้าไปหลบภัยร่วมกับบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนฯที่ไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย ทำให้ตัดสินใจไปตรวจเชื้อโควิด-19 ซึ่งผลออกมาเป็นบวก ก่อนหน้านี้ นางวัตสัน โคลแมน ได้รับวัคซีนโดสแรกของบริษัทไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทคซึ่งเป็นวัคซีนโควิด-19 ที่จัดเตรียมสำหรับสมาชิกสภาคองเกรส

สหราชอาณาจักร เร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนกว่า 2 ล้านคนแล้ว

          นายแมตต์ แฮนค็อก รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของสหราชอาณาจักร เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับประชาชนแล้ว 2,300,000 คน นับเป็นการฉีดวัคซีนในปริมาณมากกว่า 27 รัฐสมาชิกของกลุ่มสหภาพยุโรป(อียู)รวมกัน คาดว่าจะสามารถฉีดวัคซีนเข็มแรกให้กับกลุ่มเสี่ยงทุกคนภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้ โดยเฉพาะผู้สูงอายุในบ้านพักผู้สูงอายุ 10,000 แห่งทั่วประเทศและผู้ดูแล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ผู้มีอายุ 75 ปีขึ้นไปซึ่งมีโรคประจำตัว เนื่องจากมีสัดส่วนร้อยละ 88 ของการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในสหราชอาณาจักร

          นายแฮนค็อก กล่าวว่า ในปัจจุบัน 2 ใน 5 ของกลุ่มผู้มีอายุ 80 ปีขึ้นไป และเกือบ 1 ใน 4 ของกลุ่มผู้พักในบ้านผู้สูงอายุเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้ว นอกจากนี้ สหราชอาณาจักรตั้งเป้าจะเพิ่มขีดความสามารถในการฉีดวัคซีนในแคว้นอังกฤษเป็น 2 ล้านเข็มต่อสัปดาห์ภายในปลายเดือนนี้ ทั้งจัดตั้งศูนย์ฉีดวัคซีนกว่า 2,700 แห่งทั่วประเทศ เพื่อให้สามารถฉีดวัคซีนให้กับประชาชนหลายล้านคนในช่วงฤดูใบไม้ผลิระหว่างเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม

           นายแฮนค็อก กล่าวว่าช่วง 2-3 เดือนข้างหน้าจะเป็นช่วงเวลาสำคัญในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งเขาหวังว่าการจัดทำแผนการต่างๆจะช่วยให้โครงการดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมหวังว่าประชาชนจะสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติในอนาคตอันใกล้ หลังการแพร่ระบาดในปี 2563 สร้างความลำบากให้กับประชาชนทั่วประเทศ

          ในปัจจุบัน สหราชอาณาจักรมีผู้ป่วยสะสม 3,118,518 คน เสียชีวิต 81,960 ราย