เรียกได้ว่าช่วงนี้กรุงเทพฯ เงียบเหงา เพราะหลายคนงดการเดินทาง งดไปในที่สาธารณะ เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่ระบาดของโควิด-19 บริเวณถนนพหลโยธิน ขาออก หน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว ที่เคยมีรถค่อนข้างหนาแน่นในช่วงเย็นอย่างนี้ ถนนกลับโล่งไปถนัดตา
รถประจำทางหรือรถตู้ที่เคยมีผู้โดยสารจำนวนมาก กลายเป็นว่ารถว่างโล่งจนบางครั้งแทบจะวิ่งรถเปล่า แต่เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก ก็ยังคงออกปฎิบัติงานตามปกติ โดยเน้นประชาสัมพันธ์และกำชับให้ผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะ ต้องปฎิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุข
นายโฆษิต เอี่ยมละออ เจ้าพนักงานขนส่งชำนาญงาน กรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ช่วงนี้ผู้โดยสารใช้บริการน้อย บรรดาคนขับรถตู้โดยสาร รถแท็กซี่ หรือรถประจำทาง ต่างก็ลำบากไม่แพ้กัน บางเที่ยวแทบไม่มีผู้โดยสารนั่ง หรือมีแค่ 2-3 คนเท่านั้น กลายเป็นการเว้นระยะห่างไปโดยปริยาย แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังต้องเข้มงวดให้ผู้ขับขี่รถโดยสารสาธารณะ ต้องมีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค
ซึ่งจากการตรวจสอบวันนี้ พบว่ารถประจำทาง ไม่ว่าจะเป็นรถ ขสมก.หรือรถร่วม มีการติดคิวอาร์โค้ดไทยชนะ ไว้ภายในบริเวณรถมากขึ้น ทั้งที่ด้านหลังพนักพิง บนหน้าต่าง หรือที่ประตูรถ เป็นการติดแบบถี่ๆ เพื่อให้ผู้โดยสารสะดวกในการสแกนเมื่อขึ้นรถ พร้อมกับขอความร่วมมือผู้โดยสารให้สแกนไทยชนะเมื่อขึ้นรถ สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า และล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ที่จัดเตรียมไว้บนรถด้วย
ส่วนรถตู้โดยสาร ก็พบว่า วางมาตรการป้องกันไว้อย่างเคร่งครัด คือ ถ้าผู้โดยสารคนไหนไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ก็จะไม่ให้ขึ้นรถ มีการวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนขึ้นรถ ติดตั้งคิวอาร์โค้ดไทยชนะไว้ภายในรถและเตรียมเจลแอลกอฮอล์ให้ผู้โดยสารด้วย
ผู้ประกอบการรถตู้โดยสารบอกว่า สาเหตุที่ต้องเข้มงวดแบบนี้ เพราะหากมีการติดเชื้อจากรถตู้ จะยิ่งส่งผลเสียต่อการประกอบอาชีพ กระทบกับการหารายได้ เพราะทุกวันนี้ก็หาผู้โดยสารยากอยู่แล้ว จึงต้องวางมาตรการที่เข้มข้น เพื่อให้ผู้โดยสารมั่นใจว่าปลอดภัยเมื่อขึ้นรถ
ด้านผู้ขับขี่รถแท็กซี่เองก็เตรียมตัวมาพร้อมเช่นกัน คนขับทุกคันจะสวมหน้ากากอนามัย และมีเจลแอลกอฮอล์ไว้ให้ผู้โดยสารเพื่อป้องกันตัวเองและเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารด้วย
ส่วนเรื่องของการกวดขันรถโดยสารสาธารณะกระทำผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ละเลย แต่ช่วงนี้จะเน้นการตักเตือน เพราะเห็นใจผู้ประกอบการที่หาลูกค้าลำบาก แต่ก็ต้องขอความร่วมมือผู้ประกอบการ ให้ปฎิบัติตามกฎหมาย เช่น อย่าขับรถเร็วกว่าที่กฎหมายกำหนด บริการด้วยความสุภาพ และตรวจสอบสภาพรถให้พร้อม และไม่จอดแช่บริเวณป้ายรถเมล์
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังแนะนำผู้โดยสาร อย่าใช้บริการรถสาธารณะที่ผิดกฎหมาย เช่น รถจักรยานยนต์รับจ้างป้ายดำ หรือแท็กซี่ที่คิดราคาเหมาจ่าย หากพบเห็น ขอให้แจ้งมาที่สายด่วน กรมการขนส่งทางบก 1584 เพื่อป้องกันการเอาเปรียบผู้โดยสาร