อินโดนีเซีย ได้ส่งอุปกรณ์สำรวจใต้ท้องทะเล ควบคุมด้วยระบบรีโมทคอนโทรลลงไปปฏิบัติงานร่วมกับทีมนักประดาน้ำจากกองทัพเรือ เพื่อช่วยค้นหาศพและเก็บกู้กล่องดำที่บันทึกข้อมูลเที่ยวบินจากเครื่องบินโบอิ้ง 737-500 ของสายการบินศรีวิจายาแอร์ของอินโดนีเซีย เที่ยวบินเอส เจ 182 หลังประสบอุบัติเหตุตกในทะเลชวาเมื่อวันที่ 9 มกราคม ทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือเสียชีวิตรวม 62 ราย อุบัติเหตุดังกล่าวมีขึ้น 4 นาที หลังบินออกจากสนามบินกรุงจากาตาร์เมื่อวันเสาร์เวลา 14.36 น.มุ่งหน้าไปที่เมืองปอนติอานัค เมืองเอกของจังหวัดกาลิมันตันตะวันตก เกาะบอร์เนียว ห่างจากกรุงจากาตาร์ 740 กม. โดยปกติใช้เวลาเดินทาง 90 นาที
ขณะเดียวกัน ตำรวจสามารถตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลของศพแรกได้แล้วคือ นายโอกกี บิสมา สจ๊วต พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน โดยผู้เชี่ยวชาญตรวจจากลายพิมพ์นิ้วมือของเขา ด้านภรรยาของนายโอกกี ซึ่งมีเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเช่นกัน โพสต์ข้อความทางอินสตาแกรมด้วยความอาลัยการเสียชีวิตของสามีว่า สามีที่ดีที่สุดของฉัน สวรรค์คือ สถานที่อยู่ของคุณ...จนกว่าเราทั้งสองจะพบกันใหม่
ด้านนักประดาน้ำของกองทัพเรือเริ่มจำกัดพื้นที่ค้นที่ในจุดที่เชื่อว่ากล่องดำของเครื่องบินตกอยู่ แต่เศษซากเครื่องบินใต้ทะเลเป็นอุปสรรคต่อการค้นหากล่องดำ นอกจากนี้ มีเบาะแสเกี่ยวกับสาเหตุของอุบัติเหตุน้อยมาก ผู้เชี่ยวชาญของอินโดนีเซียหวังว่าพวกเขาจะอาศัยข้อมูลจากกล่องดำช่วยให้ทราบสาเหตุของอุบัติเหตุ
ด้านคณะกรรมการความปลอดภัยด้านคมนาคมแห่งชาติของอินโดนีเซีย ระบุว่า ทันทีที่พบกล่องดำทั้ง 2 กล่องคือ กล่องบันทึกข้อมูลเที่ยวบินและกล่องบันทึกเสียงสนทนาในห้องนักบิน และเก็บกู้ขึ้นมาจากทะเลแล้ว ผู้เชี่ยวชาญ สามารถอ่านข้อมูลจากกล่องดำเสร็จภายใน 3 วัน จะช่วยทำให้ทราบสาเหตุของเหตุเครื่องบินตกได้อย่างชัดเจน แต่บางประเด็นที่มีการสันนิษฐาน คือ เครื่องบินของสายการบินศรีวิจายาแอร์ ค่อนข้างเก่า ใช้งานมา 27 ปี
Cr: Reuters, Ottawa Sun