หลังเครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 737-500 ของสายการบินศรีวิจายาแอร์ของอินโดนีเซีย เที่ยวบินเอส เจ 182 ประสบอุบัติเหตุตกในทะเลชวาเมื่อวันเสาร์ 9 ม.ค.2564 ทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือเสียชีวิตรวม 62 ราย หลังบินออกจากสนามบินกรุงจากาตาร์ในเวลา 14.36 น.ของวันเสาร์ มุ่งหน้ายังเมืองปอนติอานัค เมืองเอกของจังหวัดกาลิมันตันตะวันตก เกาะบอร์เนียว โดยปกติใช้เวลาเดินทาง 90 นาที แต่หลังบินได้เพียง 4 นาที เครื่องบินหายไปจากจอเรดาร์ และตกในทะเลชวาในเวลา 14.40 น.
นายบายุ วาร์โดโย หนึ่งในทีมนักประดาน้ำ เปิดเผยว่า ทีมกู้ภัยพบชิ้นส่วนศพจำนวนมาก เพิ่มเติมว่า ทัศนวิสัยใต้ทะเลที่นักประดาน้ำสามารถเห็นได้คือ 5-6 เมตร ด้านตำรวจได้เก็บตัวอย่าง DNA ราว 40 ตัวอย่างจากญาติของผู้โดยสารและลูกเรือ พร้อมทั้งหลักฐานอื่นๆเพื่อใช้ในการตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล ปฏิบัติการครั้งนี้ใช้ทีมกู้ภัยและนักประดาน้ำรวม 2,600 คน เรือ 53 ลำ พร้อมทั้งปฏิบัติการค้นหาทางอากาศอีก 13 ลำ
นายฟาจาร์ ตรี โรฮาดี โฆษกกองทัพเรืออินโดนีเซีย เปิดเผยว่า ทีมนักประดำน้ำของกองทัพเรืออินโดนีเซีย ซึ่งอยู่ระหว่างค้นหาซากเครื่องบินใต้ทะเลชวา ได้พบตำแหน่งที่กล่องดำของเครื่องบินตก เพื่อค้นหาสาเหตุการตกของเครื่องบินควบคู่กับการเก็บชิ้นส่วนศพเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญทำการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลของผู้เสียชีวิต
อุบัติเหตุครั้งนี้ นับเป็นอุบัติเหตุทางอากาศ เป็นครั้งแรกของอินโดนีเซีย นับตั้งแต่เครื่องบินโบอิ้ง 737 แม็กซ์ ของสายการบินไลอ้อนแอร์ของอินโดนีเซียตกในทะเลชวาเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2561 มีผู้โดยสารและลูกเรือเสียชีวิต 189 ราย ครั้งนั้นเครื่องบินตกในทะเลชวา ไม่นานหลังบินจากสนามบินนานาชาติ ซูการ์โนฮัตตาในกรุงอินโดนีเซีย
Cr: Reuters