อัยการเตือนข้าราชการทุจริต แม้จะคืนเงินหลวงแต่ศาลยังลงโทษหนัก

10 มกราคม 2564, 07:53น.


          อัยการปราบทุจริตภาค 9 เผยศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบตัดสินคดีพนักงาน อบต.เบียดบังภาษีที่ดิน 82 ครั้ง ศาลอุทธรณ์ยืนจำคุก 410 ปี



          นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดีและโฆษกอัยการปราบปรามทุจริตภาค 9 เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2564 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฯในคดีที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามทุจริตภาค9 ยื่นฟ้องน.ส.มนัสวี หรือชุมภูนุช หรือแอน สีมังมาศ จำเลยเป็นคดีหมายเลขดำที่ อท 55/2562 คดีหมายเลขแดงที่ อท 14/2563



ฐานเป็นเจ้าพนักงานเบียดบังเอาเงินภาษีและค่าธรรมเนียม ฯ รายได้ของท้องถิ่น เป็นของตนโดยทุจริตรวม 82 ครั้ง เบียดบังทรัพย์ทีละหลักร้อยหลักพันจำนวนเงินรวม 93,163.26 บาท



          โดยคดีนี้พนักงานอัยการฟ้องมีพฤติการณ์สรุปว่า น.ส.มนัสวี หรือชุมภูนุช หรือแอน สีมังมาศ จำเลย ขณะรับราชการ ตำแหน่งพนักงานส่วนตำบล องค์การบริหารส่วนตำบลหารเทา อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าพนักงานจัดเก็บรายได้ 2 มีหน้าที่จัดเก็บภาษีอากร ค่าธรรมเนียม และรายได้อื่น ๆ ออกใบเสร็จรับเงิน รวบรวมเอกสารส่งให้การเงินและนำเงินฝากธนาคาร ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2547



          พฤติการณ์แห่งคดีกล่าวคือ จำเลยได้อาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่จัดการ ควบคุม และดูแลรักษาเงิน ได้จัดเก็บและรับเงินภาษีบำรุงที่ดิน ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน และรายได้อื่น ๆ จากผู้เสียภาษีซึ่งเป็นเงินรายได้ขององค์การบริหารส่วนตำบลหารเทา แล้วไม่นำเงินเข้าบัญชีเงินฝากหรือส่งมอบให้แก่องค์การบริหารส่วนตำบลหารเทา ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2547 โดยปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำผิดต่อหน้าที่ราชการหลายกรรมต่างกัน รวม 82 กรรม



          การที่จำเลยได้กระทำเป็นความผิดต่อกฎหมายและบทมาตรา ดังนี้ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90, 91, 147, 157พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2502 มาตรา 3, 13 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 มาตรา 4 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26) พ.ศ.2560 มาตรา 7



          ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 พิพากษาเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2563 ว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 (เดิม) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 5 ปี รวมจำคุก 410 ปี



           จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จำคุก 205 ปี แต่เมื่อรวมโทษความผิดทุกกระทงแล้วคงให้จำคุก 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ในส่วนนี้คือเงินที่จำเลยเบียดบังไปจำเลยได้นำส่งคืนให้แก่ทางราชการแล้วต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9



          เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2564 ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น



          ทั้งนี้จำเลยยังมีสิทธิ์ตามกฏหมายที่จะขออนุญาตศาลฎีกายื่นฎีกาต่อไป



          รองอธิบดีอัยการปราบปรามทุจริตภาค9 กล่าวด้วยว่า อย่าคิดว่าเบียดบังเงินครั้งละเล็กน้อยเเล้วจะไม่ถูกจับกุม สตง. หรือฝ่ายตรวจสอบจะไม่สนใจ เพราะหากเป็นเรื่องทุจริต เบียดบังเงินหลวง แม้จำเลยจะนำเงินคืนหลวง แต่ศาลยังลงโทษหนัก โดยในคดีนี้จำคุก 410 ปีก่อนลดโทษ เพราะจำเลยให้การรับสารภาพ



....



แฟ้มภาพ

ข่าวทั้งหมด

X