นางแคทเธอรีน คลาร์ก ผู้ช่วยประธานสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรคเดโมแครตของสหรัฐฯเปิดเผยว่าที่ประชุมส.ส.จะประชุมกันราวกลางสัปดาห์หน้าเพื่อลงมติว่าที่ประชุมจะรับรองญัตติเรื่องการไต่สวนถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้พ้นตำแหน่งก่อนครบวาระในวันที่ 20 มกราคมนี้หรือไม่ ระบุว่าที่ประชุมมีระเบียบขั้นตอนที่จะต้องดำเนินการ แต่ทุกคนเห็นว่าประธานาธิบดีทรัมป์ยุยงให้กลุ่มผู้สนับสนุนของตนเองให้บุกเข้าไปก่อเหตุวุ่นวายยังอาคารสภาคองเกรสเมื่อวันที่ 6 มกราคม ขณะที่ที่ประชุมสภาร่วมพิจารณาผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน เพื่อรับรองให้นายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้ง
เหตุวุ่นวายดังกล่าวเป็นเหตุให้มีคนเสียชีวิต 5 ราย ระบุว่าการกระทำที่สร้างความเสียหายต่อระบอบประชาธิปไตยในอาคารสภาคองเกรสของประเทศในลักษณะนี้เป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนจะเกิดขึ้น ในปัจจุบัน พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร มีส.ส. 222 คน ขณะที่พรรครีพับลิกันมีส.ส.211 คน ส่วนสว. ทั้งสองพรรคมีฝ่ายละ 50 คนเท่ากัน ในกรณีที่สว.ลงมติมีคะแนนเสียงเท่ากัน นางกมลา แฮร์ริส ว่าที่รองประธานาธิบดีคนใหม่จะมีอำนาจชี้ขาดอีกหนึ่งเสียง เท่ากับพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากทั้งสองสภา
หากญัตติการไต่สวนถอดถอนนายทรัมป์ผ่านการรับรองจากที่ประชุมส.ส. เรื่องก็จะเข้าสู่การไต่สวนถอดถอนของวุฒิสภาสหรัฐฯ หากสมาชิกวุฒิสภาลงมติให้ถอดถอนด้วยคะแนน 2 ใน 3 หรือ 67 เสียง จึงจะมีผลคือ ปลดนายทรัมป์พ้นจากตำแหน่ง แต่เบื้องต้นยังไม่มีสิ่งบ่งชี้ว่าพรรคเดโมแครตจะรวบรวมเสียงได้มากพอที่จะปลดนายทรัมป์ นอกจากนั้น ยังไม่ชัดเจนว่าระยะเวลาที่เหลือเพียงพอที่จะดำเนินกระบวนการไต่สวนถอดถอนให้เสร็จก่อนที่นายทรัมป์จะพ้นจากตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคมนี้หรือไม่
แต่นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯพูดชัดเจนว่าเธอจะจัดประชุมเพื่อให้มีการพิจารณาญัตติไต่สวนถอดถอนนายทรัมป์ครั้งที่ 2 ถ้าหากรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ ไม่ยอมใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขครั้งที่ 25 คือประกาศว่านายทรัมป์ไม่เหมาะสมที่จะทำหน้าที่บริหารประเทศต่อไป และนายเพนซ์ จะก้าวขึ้นมาทำหน้าที่รักษาการประธานาธิบดีจนกว่านายทรัมป์จะพ้นจากอำนาจในวันที่ 20 มกราคมนี้
Cr: BBC