สธ. เตือน ‘สถานที่ทำงาน’ เสี่ยงแพร่ระบาดโควิด-19 หลังคนไปปาร์ตี้กลับมาทำงาน

08 มกราคม 2564, 18:28น.


        การแถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (โควิด-19)   นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ขณะนี้อยู่ในช่วงขาขึ้น แต่อยู่ในระดับชะลอตัว ซึ่งเราต้องไม่ประมาท โดยต้องดำรงมาตรการควบคุมป้องกันโรคส่วนบุคคล ค้นหาเชิงรุกและตั้งโรงพยาบาล (รพ.) สนาม เพื่อค้นหาผู้ป่วยต่อไป ทั้งนี้การระบาดรอบใหม่เริ่มตั้งแต่ ธ.ค.2563 มีผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 5,604 คน เกินครึ่งอยู่ที่สมุทรสาคร 2,981 คน รองลงมา คือ ภาคตะวันออกทั้งชลบุรี และอีกจุดหนึ่งที่ สำคัญ คือ กรุงเทพมหานคร ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น



          จากการวิเคราะห์จำนวนผู้ติดเชื้อรอบนี้มีการเสียชีวิต 7 ราย จะเห็นว่าอัตราการเสียชีวิตรอบนี้เทียบกับรอบที่แล้วถือว่าต่ำกว่ามาก อย่างไรก็ตาม จะต้องลดจำนวนผู้ติดเชื้อฯ ให้มากที่สุด ซึ่งปัจจุบันยังมีผู้ป่วยรักษาอยู่ที่โรงพยาบาล 2,599 คน อาการหนักต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ 8 คน อยู่ที่ รพ.สนาม1,703 คน รักษาหาย1,306 คน ทั้งนี้ รพ.สนามเป็นหัวใจของการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค เช่น สมุทรสาคร ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีการควบคุมสูงสุดและเข้มข้น ย้ำอีกครั้งผู้ติดเชื้อฯ ที่ไม่มีอาการเมื่อผ่านไป8-10วัน จะไม่แพร่เชื้อให้คนอื่น ในมาตรฐานการรักษาที่กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการร่วมกับหลายหน่วยงานจะถือว่าหายแล้ว

          นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า เนื่องจากจุดเริ่มต้นการระบาดรอบนี้อยู่ที่สมุทรสาคร ในกลุ่มแรงงานต่างด้าว บางชุมชนมีอัตราการติดเชื้อถึงร้อยละ 40  ทำให้มีการเฝ้าระวัง ค้นหาแรงงานต่างด้าวในจังหวัดอื่นๆ โดยเขต1 ภาคเหนือตอนบน เขต 2 ภาคเหนือตอนกลาง และเขต3 ภาคเหนือตอนล่างแถบจังหวัดนครสวรรค์ พิจิตร ตรวจไปหลายพันคนพบผู้ติดเชื้อที่เป็นแรงงานต่างด้าว3 คน



          อีกจุดหนึ่งคือภาคใต้เขต11แถวนครศรีธรรมราช ระนอง เขต12 สงขลา ภาคใต้ตอนล่างตรวจไปทั้งหมดเกือบ 5,000 คน พบผู้ติดเชื้อ1คน จะเห็นว่าแรงงานต่างด้าวที่มีการติดเชื้อส่วนใหญ่ยังอยู่ที่สมุทรสาครและพื้นที่ภาคกลางเป็นหลัก ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคใต้ จากการตรวจทั้งหมด20,000 กว่าคน มีการพบผู้ติดเชื้อน้อยมาก อย่างไรก็ตาม ระบบการเฝ้าระวังแรงงานต่างด้าวต้องทำอย่างต่อเนื่องเพื่อตรวจจับการระบาดให้เร็วที่สุด



          ด้าน นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การระบาดในช่วงที่ผ่านมา นอกเหนือจากตลาดกลางกุ้งและชุมชน จะมีอีกกรณีหนึ่ง คือ การระบาดในสถานที่ทำงาน โดยพบหลายกรณี เช่น กรณี แรงงานเมียนมาไปงานแต่งที่สมุทรสาครในช่วงที่เริ่มพบผู้ป่วยรายแรกในพื้นที่ จากนั้นเกิดการติดเชื้อและเมื่อกลับมาที่โรงงานของตัวเองก็ทำให้เกิดการติดเชื้อต่อในกลุ่มเพื่อนร่วมงานทั้งคนเมียนมาอายุระหว่าง20-30กว่าปี และคนไทย อายุ37ปี27ปีและ43ปี โรงงานปิดตัวแล้ว



          อีกกรณีหนึ่งที่มีการเชื่อมโยงกับตลาดที่จังหวัดสมุทรสาคร คือ ที่กรุงเทพฯ เป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร มีการไปแพร่เชื้อต่อในธนาคารและไปสังสรรค์ช่วงวันที่25ธ.ค.และเกิดการติดเชื้อเพิ่มขึ้นนอกจากนี้ยังมีการสอบสวนการระบาดที่สถานบันเทิงย่านปิ่นเกล้า คนที่ไปเที่ยวก็มีโอกาสนำเชื้อมาติดเพื่อนร่วมงานและคนในครอบครัว ซึ่งพบหลายกรณี



          ดังนั้นกิจกรรมสังสรรค์ปาร์ตี้จึงมีความเสี่ยงในระยะนี้ ความปลอดภัยในสถานที่ทำงานจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากในระยะนี้ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ใดก็ตาม เนื่องจากเราเริ่มพบพนักงานของสถานประกอบการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบริษัท ห้างร้าน ซึ่งมีพนักงานหลายคนหากมีคนใดคนหนึ่งติดเชื้อ ไม่มีการป้องกันในที่ทำงาน ก็จะเป็นความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการติดเชื้อต่อเนื่องได้ ดังนั้น ขอให้ทุกสถานประกอบ รวมทั้งสถานที่ราชการจะต้องเคร่งในเรื่องของการตรวจคัดกรองอาการ สังเกตการเจ็บป่วยของพนักงาน หากมีใครเจ็บป่วยจะต้องรีบแยกออกจากผู้ที่ยังไม่ป่วย และคงการสวมหน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดกัน เลี่ยงการรับประทานอาหารร่วมกัน รวมถึงนโยบายการทำงานที่บ้าน ต้องส่งเสริมให้ดำเนินการมากขึ้นเพื่อลดความแออัดในที่ทำงานเพื่อป้องกันความเสี่ยง



          สำหรับการสอบสวนการระบาดโควิด-19ที่เกี่ยวข้องกับสนามชนไก่ ที่จังหวัดอ่างทองล่าสุดมีผู้ติดเชื้อรวม101คน จากเดิมอยู่ที่ 80 กว่าคน ใน 8 จังหวัด อ่างทอง ซึ่งเป็นที่ตั้งของสนามชนไก่มีผู้ป่วยมากที่สุด 70 คน รองลงมาเป็นพระนครศรีอยุธยา 3 คนสิงห์บุรี 6 คน ลพบุรี 5 คน สุพรรณบุรี 3 คน ขอนแก่น 2 คน สระบุรีและนนทบุรี จังหวัดละ1คน



          ดังนั้นผู้ที่มีกิจกรรมในช่วงเวลาดังกล่าวตั้งแต่ปลายเดือน ธ.ค.ถึงต้นเดือน ม.ค.ที่มีการไปสนามชนไก่ในพื้นที่ภาคกลางว่าจะเป็นแห่งใดก็ตาม ถือว่ามีความเสี่ยง เพราะผู้ที่ไปสนามชนไก่ก็มักจะไปในสถานที่หลายแห่งเช่นเดียวกัน จึงขอเฝ้าระวัง สังเกตตัวเองเช่นกัน

ข่าวทั้งหมด

X