4 อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ คือ นายบารัค โอบามา, นายจอร์จ ดับเบิลยู บุช, นายบิล คลินตันและนายจิมมี่ คาร์เตอร์ ตำหนิผู้ก่อเหตุจลาจล ซึ่งเป็นกลุ่มผู้สนับสนุนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ด้วยถ้อยคำรุนแรง กรณีละเมิดมาตรการรักษาความปลอดภัยของอาคารสภาคองเกรสของเจ้าหน้าที่ความมั่นคง บุกเข้าไปยังห้องประชุมสภาเมื่อวาน เพื่อขัดขวางสมาชิกสภาคองเกรสไม่ให้ลงมติรับรองให้นายโจ ไบเดน ชนะในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนปีที่แล้ว เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย ทำให้เจ้าหน้าที่ความมั่นคงต้องอพยพสมาชิกสภาคองเกรสออกจากห้องประชุม พร้อมย้ำถึงความจำเป็นในการที่นายทรัมป์จะต้องดำเนินการถ่ายโอนอำนาจให้กับนายไบเดนโดยสันติ
ด้านนายโอบามา กล่าวว่า ประวัติศาสตร์จะจารึกเหตุรุนแรงในอาคารสภาคองเกรสเมื่อวานนี้ มีต้นเหตุจากการปลุกปั่นของประธานาธิบดีที่อยู่ในอำนาจ โดยกล่าวอ้างอย่างเลื่อนลอยเรื่อยมาว่ามีการโกงการเลือกตั้ง ส่งผลให้เกิดเหตุการณ์ที่สร้างความอัปยศและความขายหน้าครั้งยิ่งใหญ่ให้กับสหรัฐฯ นายโอบามากล่าวอีกว่า คณะผู้บริหารของพรรครีพับลิกันมีทางเลือกสองทาง ทางแรกคือ การเติมเชื้อเพลิงลงบนกองไฟลุกไหม้ต่อเนื่อง คือทำให้เกิดเหตุวุ่นวายในสังคม ทางเลือกที่สองคือ การยอมรับความเป็นจริงและดำเนินการขั้นแรกคือ ดับไฟคือชนวนความขัดแย้ง เพื่อรักษาประโยชน์ส่วนรวมคือประเทศสหรัฐฯ
ส่วนนายบุช อดีตประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน พรรคเดียวกับนายทรัมป์ กล่าวว่าเหตุวุ่นวายจากการคัดค้านผลการเลือกตั้งดังเช่นที่เกิดขึ้นในสภาคองเกรสสหรัฐฯเมื่อวาน ควรจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศเล็กๆที่ด้อยพัฒนา ไม่ควรจะมาเกิดกับประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐฯ ระบุว่า เขารู้สึกตกใจกับพฤติกรรมที่ขาดสติ ไม่คิดไตร่ตรองผลกระทบต่างๆให้รอบรอบของนักการเมืองบางคนของสหรัฐฯ อีกทั้งไม่แสดงความยำเกรงต่อสถาบันหลักของประเทศ ประเพณีการเมืองที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาและต่อเจ้าพนักงานที่บังคับใช้กฎหมาย การก่อเหตุโจมตีอาคารสภาคองเกรส ทำให้การประชุมสภาหยุดลงชั่วคราว ก่อเหตุโดยกลุ่มคนที่ถูกปลุกปั่นจากข้อมูลเท็จ และมีความหวังลมๆแล้งๆว่าจะกลับมาชนะการเลือกตั้ง
Cr: CNN