ศบค.ชี้ป่วยโควิดไม่ติดตั้งแอปฯ 'หมอชนะ' มีความผิด-เข้มปราบบ่อนพนัน

07 มกราคม 2564, 12:21น.


          นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. กล่าวถึงกรณีนายกรัฐมนตรี ออกข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 17) ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการยกระดับการบังคับใช้มาตรการป้องกันโรค การยกระดับพื้นที่ควบคุมสูงสุดที่จำเป็นต้องมีมาตรการเข้มงวดอย่างยิ่ง และการปราบปรามและลงโทษผู้กระทำผิดอันเป็นเหตุให้เกิดการระบาดของโรค  แบ่งเป็น 


 




 


1.ยกระดับบังคับใช้มาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด  โดยใช้หลักการ รักษาระยะห่าง สวมหน้ากาก ล้างมือ ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย  และย้ำว่าทุกคนต้องมี "แอปพลิเคชันหมอชนะ" โดยหากกรณีติดเชื้อแล้วเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่าไม่มีแอปพลิเคชันหมอชนะ จะถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ (ฉบับที่ 17) เนื่องจากหลายครั้งเจ้าหน้าที่ไม่สามารถติดตามไทม์ไลน์ของผู้ป่วยได้ เพราะบางคนจำไม่ได้ หรือไม่ยอมให้ความร่วมมือ 


 




 


2.ยกระดับพื้นที่ควบคุมสูงสุดที่จำเป็นต้องมีมาตรการเข้มงวดอย่างยิ่ง ได้แก่ สมุทรสาคร ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ซึ่งจะต้องควบคุมการใช้เส้นทางคมนาคมเข้าออก 5 จังหวัดนี้ , ต้องมีการตั้งจุดตรวจจุดสกัด , ใช้แอปพลิเคชันหมอชนะ , รวมทั้งผู้ที่เดินทางมาจาก 5 จังหวัดดังกล่าว จะต้องขออนุญาตและมีใบรับรองการเดินทาง ซึ่งสามารถขอได้ที่นายอำเภอ , องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกำนันผู้ใหญ่บ้าน  ซึ่งเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องเพิ่มมาตรการขออนุญาตเดินทางให้ยุ่งยากมากขึ้น  เพื่อลดการเดินทางของประชาชนในพื้นที่ที่มีการระบาดมาก


 




 


3.มีมาตรการปราบปรามและลงโทษผู้กระทำผิด เป็นเหตุให้เกิดการแพร่ระบาดของโรค ดังนี้ 


     - ให้ลงโทษบุคคลที่เกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบขนย้ายแรงงานผิดกฎหมาย  


     - ดำเนินคดีกับผู้ที่ปล่อยปละละเลย ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ เอื้ออำนวยหรือสมรู้ร่วมคิดให้มีการเปิดบ่อนพนัน 


     - กำชับให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ 


     - แต่งตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลและเสนอมาตรการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก  


     - ให้ ศปม. หน่วยงานด้านความมั่นคง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กวดขัน สอดส่อง และเฝ้าระวังการลักลอบเข้าเมืองผิดกฏหมาย  และการมั่วสุมเล่นการพนัน


     - ให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบ สอดส่อง หากพบเห็นการกระทำผิดกฎหมาย และส่งผลให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคอย่างรุนแรง ให้แจ้งเบาะแสมาที่นายกรัฐมนตรี ผ่านศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ทำเนียบรัฐบาล สายด่วน 1111


 




 


4.ผู้ฝ่าฝืนข้อกำหนดดังกล่าว มีความผิดโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท  หรือทั้งจำทั้งปรับ และผู้ติดเชื้อที่จงใจปกปิดข้อมูลการเดินทางหรือแจ้งข้อมูลเท็จต่อพนักงานควบคุมโรค ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนและควบคุมโรค  อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนไม่ปฎิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558


 


          นอกจากนี้ ศบค.มท. ยังออกประกาศไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด และปลัด กทม. ให้ดำเนินการตั้งจุดตรวจ ด่านตรวจคัดกรองในเส้นทางหลัก พื้นที่รอยต่อระหว่างจังหวัดและเส้นทางรอง โดยทำงานประสานกับหน่วยงานด้านความมั่นคงและตำรวจ พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนงด หรือชะลอการเดินทางข้ามจังหวัด ยกเว้นกรณีที่จำเป็น โดยเฉพาะ 5 จังหวัดที่เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จะต้องขออนุญาตและมีเอกสารรับรองการเดินทาง ที่ต้องมีขั้นตอนการขอใบรับรองที่ยุ่งยากมากขึ้น เพื่อชะลอการเดินทาง และย้ำต้องติดตั้งแอปพลิเคชันหมอชนะ 


 




 
ข่าวทั้งหมด

X