การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ออกประกาศคณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) แจ้งว่า พนักงานการทางพิเศษแห่งประเทศไทย 1 คน ตำแหน่งหัวหน้าพนักงานเก็บค่าผ่านทางพิเศษ ระดับ 4 ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษเทพารักษ์ 4 ทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลีสุขสวัสดิ์) ได้เข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัส COVID- 19 ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี เมื่อวันที่ 5 ม.ค.64 เนื่องจากมีอาการไข้ ผลตรวจยืนยันในวันที่ 6 ม.ค.64 ระบุว่าติดเชื้อโควิด-19 พนักงานรายดังกล่าวได้เข้ารับการรักษาทันที
ทันทีที่การทางพิเศษฯ ได้รับแจ้งข้อมูลดังกล่าว จึงมีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ดังต่อไปนี้
1.แจ้งรายละเอียดของผู้ติดเชื้อไปยังเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ และกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ตามแนวทางปฏิบัติกรณีพบผู้ติดเชื้อ ซึ่งผู้ติดเชื้อไม่ได้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ที่ด่านฯ ตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค.64 ประกอบกับช่วงเวลาดังกล่าว การทางพิเศษฯ ได้ยกเว้นค่าผ่านทางในช่วงเทศกาลปีใหม่สำหรับทางพิเศษกาญจนาภิษก (บางพลีสุขสวัสดิ์) จึงไม่มีการติตต่อ หรือให้บริการกับประชาชน หรือผู้ใช้บริการทางพิเศษแต่อย่างใด นอกจากนี้ ผู้ติดเชื้อปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งหัวหน้าพนักงานเก็บค่าผ่านทางพิเศษ ไม่ใช่พนักงานเก็บค่าผ่านทางพิเศษ ที่ต้องสัมผัสกับผู้ใช้บริการโดยตรง
2.สั่งให้พนักงานที่มีความเสี่ยงเข้ารับการตรวจโรค และให้กักตัว 14 วัน เพื่อสังเกตอาการของตัวเองและบุคคลที่พักอาศัยอยู่ด้วยกัน หากพบว่ามีอาการผิดปกติ ให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
3.แจ้งต่อบุคคลที่ติตต่อ หรือเกี่ยวข้องกับพนักงานที่ติดเชื้อ เพื่อเฝ้าระวังและสังเกตอาการ 14 วัน
4.การทางพิเศษฯ ปิดให้บริการทางขึ้น-ลง รวมถึงอาคารด่านฯ ของด่านเทพารักษ์ 4 เพื่อทำความสะอาด พร้อมพ่นยาฆ่าเชื้อในพื้นที่ที่พนักงานปฏิบัติงาน และบริเวณโดยรอบ รวมถึงตู้เก็บค่าผ่านทางพิเศษ และช่องทางเก็บค่าผ่านทางพิเศษทุกช่อง เมื่อวันที่ 6 ม.ค.64 ภายใต้คำแนะนำของกรมควบคุมโรค หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่กรมควบคุมโรค จะตรวจสอบและอนุญาตให้การทางพิเศษฯ สามารถกลับไปดำเนินงานตามปกติ คาดว่าจะเปิดให้บริการที่ด่านฯเทพารักษ์ 4 ได้ในวันศุกร์ที่ 8 ม.ค.64
ทั้งนี้ การทางพิเศษฯ ได้ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้ใช้บริการทางพิเศษ และพนักงานของการทางพิเศษฯ อย่างสูงสุด โดยกำหนดมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ทั้งการสวมหน้ากากอนามัยและการใช้เจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือตลอดการปฏิบัติงาน และขณะให้บริการผู้ใช้ทางพิเศษ พร้อมทั้งพ่นยาฆ่าเชื้อในพื้นที่ที่พนักงานปฏิบัติงาน และบริเวณโดยรอบอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดความเสี่ยงการแพร่ระบาด