หลังจากพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ควบคุมตัวและสอบปากคำนายภาดา บัวขาว หรือโอ๊ต พราด้า 1 ในผู้ต้องหาคดียักยอกเงินกองคลังของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กว่า 1,600 ล้านบาท และมีความสนิทสนมกับนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหารายสำคัญที่ยังหลบหนีอยู่ต่างประเทศ วันนี้ เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวมาขออำนาจศาลจังหวัดมีนบุรี ฝากขังผลัดแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 10-21 มกราคมนี้ ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน ร่วมกันสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ทุจริตในหน้าที่หรือองค์กรให้เกิดความเสียหายเนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวน ได้คัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราว เนื่องจากคดีเป็นที่สนใจของประชาชน และมีมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก หากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวอาจไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือหลบหนี ขณะที่นายภาดา ยังให้การปฏิเสธ
พันตำรวจเอกจิรภพ ภูริเดช รักษาราชการแทนผู้กำกับการ 1 กองปราบปราม กล่าวว่า ได้ส่งตำรวจลงพื้นที่สืบสวนหาข่าวเพื่อติดตามตัวนายธวัชชัย ยิ้มเจริญ ผู้ต้องหาอีก 1 คนที่ถูกออกหมายจับพร้อมนายภาดา หลังพบว่าเปิดบัญชีรับโอนเงินเงินต่อจากนายจริวัฒน์ สหพรอุดมการ ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้ เป็นเงินกว่า 50 ล้านบาท เชื่อว่านายธวัชชัย ยังซ่อนตัวอยู่ในประเทศ พร้อมเตรียมออกหมายเรียกบุคคลตามรายชื่อ ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. มีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบ มาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ประมาณ 20 คน
ส่วนกรณีนายปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ หรือบอย ปกรณ์ ดารานักแสดงชื่อดัง ซึ่งซื้อรถหรูจาก 1 ในผู้ต้องหาในคดีนี้นั้น ได้ให้การครบถ้วนแล้ว ไม่จำเป็นต้องเรียกมาสอบปากคำอีก โดยก่อนหน้านี้ บอย ปกรณ์ ถูกอายัดรถหรูลัมโบร์กินี ซึ่งเป็นรถที่ซื้อต่อจาก ผู้ต้องหารายสำคัญของคดีนี้ ที่นำเงินจากการยักยอกมาซื้อรถดังกล่าวและขายต่อให้บอย ในราคาต่ำกว่าที่ซื้อจริง อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า บอย โพสต์ข้อความผ่านอินสตาแกรม ยินดีให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เสมอ