'สมุทรสาคร'พบติดโควิดเพิ่ม 146 คน ค้นหาเชิงรุก 109 คน

        สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร รายงานว่า มีผู้ติดเชื้อในจังหวัดสมุทรสาคร รายใหม่ 146 คน รวม 3,084 คน แยกเป็นผู้ป่วยจากการค้นหาเชิงรุก 109 คน (คนไทย 2 คน และต่างด้าวอีก 107 คน) ขณะที่ผู้ป่วยในโรงพยาบาล 37 คน แยกเป็นคนไทย 29 คน และต่างด้าว 8 คน

          การสร้างศูนย์ห่วงใยคนสาคร แห่งที่ 3 ณ วัฒนาแฟคตอรี่ ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เพื่อนำผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 ในจังหวัดสมุทรสาคร มากักตัวอยู่ที่นี่เป็นระยะเวลา 14 วันหรือจนกว่าจะหาย ตามมาตรการที่กำหนดไว้ ขณะนี้ มีการนำเตียงนอนมาลงในพื้นที่เต็มอัตรา 140 เตียง พร้อมกับเครื่องนอน หมอน ผ้าห่ม ส่วนห้องสุขา – ห้องอาบน้ำ ก็ได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คงเหลือแต่การจัดพื้นที่สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ ที่จะเข้ามาดูแลผู้ติดเชื้อภายในศูนย์ห่วงใยคนสาครแห่งที่ 3 นี้ โดยหลังจากที่การจัดระบบที่นอนภายในเรียบร้อย ต่อไปบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ฯ ก็จะเข้ามาดำเนินการในเรื่องของการวางระบบ และอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้เพื่อการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อ ซึ่งที่ศูนย์ห่วงใยคนสาครแห่งที่ 3 นี้ จะมีแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์จากโรงพยาบาลบ้านแพ้ว (องค์การมหาชน) จำกัด เป็นผู้รับผิดชอบ โดยคาดว่าอีก 1 – 2 วันนี้ ศูนย์ห่วงใยคนสาคร ที่วัฒนาแฟคตอรี่ ก็จะสามารถนำผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากในชุมชนเข้ามากักตัวได้ โดยจะสามารถรองรับได้โกดังละ 140 คน รวมทั้ง 2 โกดังก็ประมาณ 280 – 300 คน

          นายวัฒนา แตงมณี นายก อบต.พันท้ายนรสิงห์ กล่าวว่า นอกจากโกดัง 2 หลังนี้แล้ว ตนยังได้สร้างโรงพยาบาลสนาม บนเนื้อที่ 8 ไร่ ภายในโครงการวัฒนาแฟคตอรี่ เพื่อรองรับผู้ติดเชื้ออีก 1,000 เตียง โดยใช้ทั้งเงินส่วนตัว และส่วนหนึ่งก็ได้รับการสนับสนุนมาจากเพื่อนๆ ผู้ใจบุญใจกุศล และมูลนิธิฯ ต่างๆ ที่มีส่วนร่วมในการสร้างโรงพยาบาลสนาม 1,000 เตียงนี้ด้วย

          รวมทั้งยังได้รับความร่วมมือจาก พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ จัดกำลังคนมาช่วยดำเนินการสร้างโรงพยาบาลสนาม 1,000 เตียง ซึ่งได้เร่งทำงานกันตลอด 24 ชั่วโมง คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 10 วันข้างหน้า ขณะนี้ได้มีการออกแบบเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย  และอยู่ระหว่างการปรับหน้าดิน ก่อนที่จะดำเนินการก่อสร้างตามแบบแปลนที่วางไว้  ส่วนงบประมาณการก่อสร้างทั้งหมดประมาณ 5 ล้านบาท