นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. อธิบายถึงรายละเอียดของมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของจังหวัดต่างๆที่มีการแบ่งระดับควบคุมโรค โดยย้ำว่าไม่ใช่การล็อกดาวน์ เนื่องจากการล็อกดาวน์จะต้องมีเคอร์ฟิวและห้ามการเดินทาง ปิดสถานที่ห้ามดำเนินการ แต่ขณะนี้ ศบค.ให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด พิจารณาปิดเฉพาะบางพื้นที่ที่มีความเสี่ยงในการแพร่เชื้อและไม่ได้ห้ามการเดินทาง ไม่มีการเคอร์ฟิว เพียงแต่จะมีกระบวนการคัดกรองตามด่านต่างๆ ที่มีขั้นตอนมากกว่าปกติ ดังนั้นการประกาศพื้นที่ควบคุมสูงสุดจะแตกต่างจากการล็อกดาวน์อย่างชัดเจน คือ พื้นที่ควบคุมสูงสุดจะลดการเดินทางที่ไม่จำเป็น หากมีความจำเป็นก็ยังสามารถเดินทางได้
โดยมาตรการเดินทางเข้า-ออกพื้นที่จังหวัดต่างๆ ที่มีการแบ่งระดับการควบคุมโรคระบาด เป็นดังนี้
1. พื้นที่ควบคุมสูงสุด 28 จังหวัด เมื่อต้องเดินทางออกนอกพื้นที่หรือข้ามจังหวัด จะต้องผ่านด่านตรวจคัดกรอง และปฏิบัติดังนี้
- ต้องรับการตรวจวัดอุณหภูมิและสังเกตอาการโดยเจ้าหน้าที่ประจำด่านคัดกรอง
- ต้องยอมรับการตรวจสอบว่ามีแอปพลิเคชันหมอชนะหรือไม่
- ต้องถูกสอบถามเหตุผลความจำเป็นในการเดินทาง
** แต่สำหรับผู้ที่มาจากจังหวัดสมุทรสาคร ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ซึ่งเคยเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด แต่ ศบค.ประกาศยกระดับให้เป็น "พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด"แล้วนั้น จะมีมาตรการที่เข้มข้นมากกว่าอีก 23 จังหวัดที่เหลือ หากจะเดินทางจะต้องแสดงหลักฐานว่าได้รับอนุญาตให้เดินทางได้ จากพนักงานเจ้าหน้าที่ในภูมิลำเนาของผู้เดินทางด้วย เช่น พนักงานขนส่งสินค้า พ่อค้าแม่ค้า หรือผู้ที่จำเป็นต้องพบแพทย์ หากจะเดินทางต้องไปขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เช่น ฝ่ายปกครอง ชุมชนท้องถิ่น หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่
2.พื้นที่จังหวัดอื่นๆ 49 จังหวัด ให้ใช้มาตรการขึ้นอยู่กับ ศปก.จังหวัด หรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกำหนดตามความเหมาะสมของสถานการณ์ในจังหวัดนั้น
ทั้งนี้ ศบค.ขอย้ำให้ประชาชน งดหรือชะลอการเดินทางที่ไม่จำเป็นเร่งด่วนออกไปก่อน จนถึงวันที่ 1 ก.พ.64 เพื่อชะลอการแพร่ระบาดของโควิด-19