นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงแนวทางการจัดหาวัคซีน covid-19 โดยปัจจุบันประเทศไทยจะได้วัคซีนอย่างเร็วที่สุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 เข้ามาก่อน 2 แสนโดส และจะครบตามจำนวน 2 ล้านโดส ในเดือนเมษายนปีเดียวกัน ซึ่งในอนาคตอาจจะได้วัคซีนเร็วกว่าที่กำหนดนี้ เพราะกำลังเจรจากับผู้ผลิตอีกหลายราย
สำหรับการเร่งนำวัคซีนเข้ามาก่อนนั้น สาเหตุสำคัญมาจากพบการระบาดรอบใหม่ จึงจำเป็นต้องปกป้องดูแลประชาชน จำเป็นต้องปรับแผนเพื่อให้ได้วัคซีนเร็วขึ้น โดยการพิจารณานำเข้ามานั้น วัคซีนต้องผ่านการรับรองโดยประเทศต้นทาง ว่ามีประสิทธิภาพและความปลอดภัย เมื่อมาถึงประเทศไทยจะมีกระบวนการตรวจสอบอีกหลายชั้น เพื่อให้คนไทยได้ฉีดวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพที่สุด
นายอนุทิน เปิดเผยว่า การตกลงซื้อมาคราวละ 2 ล้านโดส เป็นแผนการจัดซื้อ ซึ่งต้องเร่งหามาให้แพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งเป็นนักรบด่านหน้าก่อน เพราะกลุ่มนี้ มีบทบาทสำคัญในการจัดการโรคระบาด ขณะเดียวกันก็เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงมาก ไทยจะสูญเสียบุคลากรการแพทย์ไม่ได้ จึงจัดหาวัคซีนมาปกป้อง จากนั้น จะมีวัคซีนของแอสตราเซเนกา สำหรับฉีดให้ประชาชนที่เหลือต่อไป รวมทั้งระหว่างนั้น จะมีวัคซีนโควิด-19 จากบริษัทอื่นๆ เข้ามาให้พิจารณาเพิ่มเติม ซึ่งภาครัฐจะจัดหาเข้ามาใช้แน่นอน นายอนุทินย้ำว่า การจะฉีดวัคซีนเข้าร่างกายคนไทยนั้น จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อวัคซีนนั้น ได้รับการตรวจสอบยืนยันแล้วว่าปลอดภัย มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรค
โดยระหว่างที่รอวัคซีนอยู่นี้ จำเป็นต้องบริหารจัดการอุปกรณ์ป้องกัน และเวชภัณฑ์ให้เพียงพอ ทั้งในเรื่องของการใช้และการหามาเพิ่มในสต็อก รวมไปถึงความพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉินต่างๆ เช่น การตั้งโรงพยาบาลสนาม ซึ่งสามารถตั้งได้อย่างรวดเร็ว ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุข ได้วางแผนไว้ว่า หากพบผู้ติดเชื้อใน 24 ชั่วโมงต้องทำอย่างไรใน 48 ชั่วโมง ต้องทำอย่างไร ซึ่งปัจจุบันนี้ก็สามารถปฏิบัติได้ตามแผน
ส่วนประเด็นการล็อกดาวน์นั้น นายอนุทิน ระบุว่า ไม่มีใครอยากให้ไปถึงจุดนั้น ในการระบาดรอบแรก ไทยควบคุมการระบาดได้ เพราะคนไทยช่วยกัน มารอบนี้ หากคนไทยยังสามัคคี ร่วมแรง ร่วมใจกัน ทุกคนจะก้าวผ่านไปได้อย่างแน่นอน ที่สำคัญคือขอให้ทุกคนปฏิบัติตามกฏหมายอย่างเคร่งครัด เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุด เกิดจากการลักลอบเข้าเมือง เกิดจากการไปเที่ยวบ่อน ล้วนเป็นกิจกรรมผิดกฎหมาย ดังนั้นประชาชนต้องช่วยกัน ส่วนภาครัฐก็ต้องใช้มาตรการที่เด็ดขาด