หลังเป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 (ศบค.) ชุดใหญ่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 (ศบค.) กล่าวว่า ได้รับข้อเสนอมาจากสมาคมภัตตาคารต่างๆ ที่บอกว่า หากปิดในเวลา19.00 น.จะได้รับผลกระทบสูง ดังนั้นในส่วนที่ กทม.จะประกาศใช้ให้ยกเลิกไปก่อน โดยยังให้นั่งรับประทานอาหารได้ถึง 21.00 น. แต่ต้องมีมาตรการทั้งการกำหนดจำนวนคนและมาตรการเว้นระยะห่าง ซึ่งทางนายกสมาคมฯ ได้รับประกัน ใครทำไม่ได้ก็ต้องถูกปิด ดังนั้นขอให้ทุกคนทำได้ตามนี้และต้องช่วยกัน เพราะไม่ต้องการให้มีผลกระทบมากในด้านธุรกิจและต้องแต่รัฐบาลก็ต้องเตรียมความพร้อมในเรื่องของเงินในส่วนของงบประมาณที่มีอยู่เพื่อรองรับสถานการณ์ต่อไปด้วย
สำหรับการประชุมในวันนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้หารือหลายเรื่องโดยเฉพาะสถานการณ์การแพร่ระบาดในปัจจุบันที่ตัวเลขสูงขึ้น ดังนั้นมีมาตรการดูแลพื้นที่สูงขึ้นโดยเฉพาะการเดินทางข้ามจังหวัดต้องมีด่านตรวจสกัดเพื่อตรวจสอบที่มา จึงขออภัยในความไม่สะดวก โดยเฉพาะจังหวัดที่มียอดผู้ติดเชื้อสูงจากพื้นที่ต้นทางไปถึงจังหวัดโดยรอบ ยืนยันไม่ใช่การล็อกดาวน์ แต่เป็นมาตรการที่แต่ละพื้นที่ที่ต้องกำหนดมาเพิ่มเติม จากมาตรฐานกลางที่รัฐบาลได้กำหนดไว้แล้ว โดยจะมีการชี้แจงอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ กำหนดไว้แล้วก่อนหน้านี้ โดยวันนี้หารือและอนุมัติหลักแนวทางการปฏิบัติ โดยได้หารือกับทุกส่วนโดยเฉพาะแพทย์อาวุโสและคณะแพทย์ต่างๆ รวมทั้งกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย และทุกกระทรวง ย้ำว่าต้องขออภัยในความไม่สะดวกในการเดินทาง
อย่างไรก็ตามรัฐบาลให้ความสำคัญในการควบคุมผู้ติดเชื้อ โดยต้องตรวจสอบคัดกรองผู้ติดเชื้อให้มากยิ่งขึ้น ดังนั้นตัวเลขก็ต้องสูงขึ้น แต่หากควบคุมได้ก็จะแสดงให้เห็นว่ามาตรการของเราก็ดีพอสมควรมากขึ้นเรื่อยๆ จึงต้องขอขอบคุณประชาชนทุกภาคส่วน
สำหรับการมีวัคซีน ซึ่งต่างประเทศเริ่มมีการฉีดกันบ้างแล้ว นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ประเทศไทยต้องดูในเรื่องของความปลอดภัยให้ได้จริงๆ และไม่มีผลข้างเคียง โดยยึดมาตรฐาน คณะกรรมการอาหารและยาหรือ อย. ซึ่งวันนี้ได้มอบให้กรมควบคุมโรคและสถาบันวัคซีนไปดูแลร่วมกับ อย.แล้ว พร้อมย้ำว่า 2-3 เดือนจะมีวัคซีน 2 ล้านโดส โดยต้องเตรียมแผนว่าจะฉีดให้กับใครบ้างโดยจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนและที่เหลืออีก 26 ล้านโดสจะเอามาในระยะต่อไป นอกจากนี้ยังให้เพิ่มเติมอีก 35 ล้านโดส คาดว่า จะฉีดให้ได้ทั้งประเทศ ซึ่งบริษัทที่พัฒนาวัคซีนอยู่ก็พร้อมอยู่แล้ว สิ่งสำคัญที่สุดวันนี้ต้องช่วยกัน ถ้าติอย่างเดียวเอาความเห็นส่วนตัวก็ไปไม่ได้หมด และความร่วมมือก็ไม่เกิดขึ้น