สื่อสหรัฐฯ เปิดคลิปเสียง ทรัมป์ สั่งทีมงาน ร้องกกต.รัฐจอร์เจียสอบบัตรลงคะแนนกว่าหมื่นใบที่หายไป หวังกลับมาชนะ

          หลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในวันที่ 3 พฤศจิกายนปีที่แล้ว ซึ่งทั้ง 50 รัฐของสหรัฐฯประกาศรับรองผลการเลือกตั้งแล้วว่า นายโจ ไบเดน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต ชนะคะแนนคณะผู้เลือกตั้งรวม 306 คะแนน ขณะที่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน ได้เพียง 232 คะแนน แต่นายทรัมป์ยังไม่ประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการมาจนถึงบัดนี้

          หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ของสหรัฐฯ เผยแพร่บันทึกการสนทนาระหว่างนายทรัมป์กับนายแบรด ราฟเฟนสเปอร์เกอร์ เลขาธิการฝ่ายกิจการรัฐ ซึ่งรับผิดชอบเรื่องการจัดการเลือกตั้งในรัฐจอร์เจีย บ่งชี้ว่า นายทรัมป์ได้กำชับให้นายราฟเฟนสเปอร์เกอร์ตรวจสอบเรื่องบัตรเลือกตั้งที่หายไปเนื่องจากโกงการเลือกตั้งราว 11,780 ใบ  ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพียงพอที่จะทำให้นายทรัมป์พลิกกลับมาชนะนายไบเดน โดยนายทรัมป์ กล่าวหาเจ้าหน้าที่หน่วยเลือกตั้งของรัฐจอร์เจียว่าใช้เครื่องทำลายกระดาษมาทำลายบัตรลงคะแนน เพื่อทำลายหลักฐาน พร้อมทั้งนำรายชื่อคนที่อยู่นอกพื้นที่ของรัฐจอร์เจียมาอยู่ในรายชื่อผู้มีสิทธิ์ในรัฐจอร์เจีย อีกทั้งขอให้ตรวจสอบกรณีปรากฏชื่อผู้เสียชีวิตในรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง

          แต่นายราฟเฟนสเปอร์เกอร์ ตอบกลับไปว่า การนับคะแนนของเจ้าหน้าที่หน่วยเลือกตั้งของรัฐจอร์เจียดำเนินการถูกต้องแล้ว สำหรับการเลือกตั้งในรัฐจอร์เจีย นายไบเดน ได้คะแนน 2,473,633 เสียง หรือร้อยละ 49.5 ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ขณะที่นายทรัมป์อยู่ในอันดับที่ 2 ได้ 2,461,854 คะแนน หรือร้อยละ 49.3

          ทั้งนี้ สภาคองเกรสสหรัฐฯจะประชุมรับรองผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯอย่างเป็นทางการในวันที่ 6 มกราคมนี้ โดยรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์จะทำหน้าที่ประธานการประชุม หากมีประเด็นโต้แย้งเรื่องผลการเลือกตั้ง ที่ประชุมอาจจะรับเรื่องนี้ไปดำเนินการตรวจสอบต่อไป แต่ต้องดำเนินการให้เสร็จก่อนที่นายไบเดนจะเข้าทำพิธีรับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคมนี้ แต่การรับข้อโต้แย้งไว้พิจารณา เสียงส่วนใหญ่ของทั้งวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯจะต้องลงมติเห็นชอบ สภาคองเกรสจึงจะมีอำนาจรับข้อโต้แย้งนั้นไปตรวจสอบ ในปัจจุบัน พรรครีพับลิกันครองเสียงส่วนใหญ่ในวุฒิสภา 50 ต่อ 48 เสียง ซึ่งสว.บางคนของพรรครีพับลิกันพูดชัดเจนว่า พวกเขาจะไม่ลงมติโต้แย้งผลการเลือกตั้ง

Cr: BBC, India TV News