นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แสดงความเป็นห่วงจำนวนผู้ติดเชื้อประจำวันนี้ (30 ธ.ค.63) ที่พุ่งไปถึง 250 คน โดยแบ่งเป็นกลุ่มดังนี้
-กลุ่มผู้ป่วยที่มีประวัติเชื่อมโยงกับจังหวัดสมุทรสาคร 9 คน
-กลุ่มผู้ป่วยที่มีประวัติเชื่อมโยงกับจังหวัดระยอง 3 คน
-กลุ่มผู้ป่วยที่มีประวัติเชื่อมโยงกับสถานบันเทิง สถานที่ชุมชน และอาชีพเสี่ยง 29 คน
-อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 198 คน
-กลุ่มแรงงานต่างด้าว จากการค้นหาเชื้อเชิงรุกในชุมชนแรงงาน 2 คน
-กลุ่มผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้ากักตัว 8 คน
-ผู้ป่วยที่เดินทางมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ได้เข้ากักตัว แต่ผลักดันกลับประเทศไปแล้ว 1 คน
นพ.ทวีศิลป์ ระบุว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ กลุ่มที่เชื่อมโยงกับสถานบันเทิง ซึ่งยังกำลังเร่งสอบสวนโรค นอกจากนี้ยังน่าสังเกตว่าในกลุ่มผู้ติดเชื้อ กทม.พบว่ามีอายุค่อนข้างมาก จึงต้องวิเคราะห์ว่าเกิดจากอะไร
ส่วนในกลุ่มผู้ติดเชื้อในกลุ่มที่กำลังสอบสวนโรค 198 คน พบว่าจังหวัดที่น่าเป็นห่วงคือ จังหวัดชลบุรี ที่มียอดผู้ติดเชื้อถึง 108 คน มีแนวโน้มว่าจะเชื่อมโยงกับสถานที่ลักลอบเล่นการพนัน นอกจากนี้ยังพบว่า ในกลุ่มผู้ติดเชื้อ จะเป็นกลุ่มผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย อายุเฉลี่ย 40 ปีขึ้นไป ส่วนจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อขณะนี้ พุ่งไป 48 จังหวัดแล้ว โดยจังหวัดที่เพิ่มเข้ามา คือ ระนอง อำนาจเจริญ และตราด
โฆษก ศบค. ยอมรับว่าหวั่นใจกับตัวเลขผู้ติดเชื้อ และไม่อยากให้เกิดการล็อกดาวน์ทั้งประเทศขึ้น แต่หากสถานการณ์ยังควบคุมไม่ได้ ช่วงปีใหม่หากยังมีการฉลองแบบไม่ระมัดระวัง จาก Countdown ก็จะกลายเป็น Countup เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น ซึ่งการจัดกิจกรรมเคาท์ดาวน์ในช่วงสิ้นปี หลายจังหวัดงดจัดไปแล้ว แต่ยังมีบางพื้นที่ยังไม่ยกเลิก ยอมรับว่าเป็นสิ่งที่ ศบค.กังวลใจ แต่ขอให้ทุกพื้นที่ยึดข้อกำหนดจากประกาศจากหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้ สาระสำคัญคือ
-ห้ามมีการมั่วสุมกันในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค หรือซ้ำเติมความเดือดร้อนประชาชน หรือการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดการแพร่เชื้อโรค
-ห้ามการชุมนุมหรือทำกิจกรรมที่มีการแออัดในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและพื้นที่ควบคุม
-การชุมนุมหรือทำกิจกรรมใดในพื้นที่เฝ้าระวังสูงสุด หรือพื้นที่เฝ้าระวัง ต้องขออนุญาตจากผู้ว่าฯ กทม. หรือผู้ว่าราชการจังหวัด
-กิจกรรมภายในครอบครัวในเคหสถานของตัวเอง หรือกิจกรรมของทางราชการ ยังสามารถทำได้
โดยหลังจากนี้ ผู้ว่าฯ กทม.หรือผู้ว่าราชการจังหวัด จะเป็นผู้ออกประกาศหรือคำสั่งว่า พื้นที่ของตัวเองจะเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด , พื้นที่ควบคุม , พื้นที่เฝ้าระวังสูงสุด หรือพื้นที่เฝ้าระวัง โดยผู้ที่ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรการที่ประกาศ จะต้องรับโทษตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
ส่วนประชาชนที่เดินทางไปจากจังหวัดที่มีการติดเชื้อจำนวนมาก เช่น สมุทรสาคร ระยอง ชลบุรี หรือ กทม. จำเป็นต้องกักตัวหรือไม่นั้น นพ.ทวีศิลป์ ระบุว่า ต้องขึ้นอยู่กับแต่ละจังหวัดที่จะมีประกาศอย่างไร และต้องปฎิบัติตามคำสั่งหรือประกาศของจังหวัดนั้น เช่น หากไปในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง กลับมาในพื้นที่ความเสี่ยงต่ำ ก็ควรต้องกักตัว แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือ งดการเดินทางในช่วงนี้