สรุปข่าว 19.35น.
+++ในวันพรุ่งนี้ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยธ. ได้ทำหนังสือเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาร่วมประชุมวางมาตรการติดตามผู้ต้องหากระทำความผิดคดี ม.112 แล้วหลบหนีไปเคลื่อนไหวในต่างประเทศ เวลา 09.30 น. เพื่อยกระดับการทำงานจากเดิมที่เป็นการทำงานในระดับกรมหรือหน่วยงาน ซึ่งจะยกระดับการทำงานให้เป็นระดับรัฐบาล โดยพล.อ.ไพบูลย์ จะเป็นประธานคณะทำงานด้วยตนเอง โดยหน่วยงานจะเข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานความมั่นคง
+++พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง กล่าวว่าไม่กังวลเรื่องการพิจารณาถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าจะมีมวลชนมาเคลื่อนไหวกดดัน ขณะสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เปิดคดีพิจารณาในวันพรุ่งนี้ ขณะเดียวกันฝ่ายข่าวไม่มีรายงานอะไรที่ผิดปกติ รวมถึงคลื่นใต้น้ำและเชื่อว่าทุกฝ่ายจะเข้าใจ ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ได้พยายามพูดในรายการคืนความสุขให้ประชาชนมาโดยตลอด จึงไม่จำเป็นต้องไปพูดคุยโดยตรงกับกลุ่มแกนนำต่างๆ ส่วนของผู้หลบหนีคดีใน8ประเทศนั้น รัฐบาลไทยได้ทำหนังสือชี้แจงไปแล้วว่า บุคคลเหล่านั้นกระทำผิดกฎหมายในประเทศไทยที่ต้องกลับมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ส่วนประเทศนั้นๆ จะส่งตัวกลับหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแต่ละประเทศที่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนร่วมกัน
+++ นายพิชิต ชื่นบาน ทีมทนายของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเดินทางไปให้ข้อมูลกับสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สนช. ในคดีจำนำข้าวกรณีถูกกล่าวหาว่ามีความผิดในฐานะผู้มีอำนาจ แต่กลับไม่ระงับยับยั้งความเสียหายโครงการรับจำนำข้าว พร้อมกับ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรักษาการนายกรัฐมนตรีและอดีต รมว.พาณิชย์ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกฯ และ รมว.คลัง นายวราเทพ รัตนากร อดีต รมช.คลัง และนายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ แต่ยืนยันว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเป็นผู้ชี้แจงด้วยตนเองเพียงคนเดียว อย่างไรก็ตาม คณะทำงานทั้งหมดคงต้องขอฟังการแถลงเปิดคดีนี้ของ ป.ป.ช.เสียก่อนว่ามีข้อหาอะไรบ้าง เพื่อที่จะมีการเสนอถึงประเด็นและแนวทางในการต่อสู้
ด้านนายวิชาญ มีนชัยนันท์ อดีต ส.ส.เพื่อไทย กล่าวว่า หากมีประชาชนเดินทางไปให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่รัฐสภาในวันพรุ่งนี้น่าจะเป็นการเดินทางไปให้กำลังใจกันเอง และเชื่อว่าก็ไม่ได้ไปกันมาก ยอมรับว่าส่วนตัว ก็คิดว่าอาจจะเดินทางไปให้กำลังใจอดีตนายกรัฐมนตรีที่รัฐสภา แต่ไม่ใช่เกณฑ์คนไป
+++ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผู้บัญชาการสำนักคดีพิเศษภาค และคณะได้เข้าตรวจสอบที่บริเวณโกดังเก็บมันเส้นขององค์การคลังสินค้า หรือ อคส. ซึ่งอยู่ในโครงการรับจำนำมันสำปะหลังปี2556 ที่อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นของบริษัท เกษตรพืชผล อินเตอร์เทรด หลังจากที่ก่อนหน้านี้ อคส.ได้ร้องขอให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากมีการทุจริตโดยยัดแกลบสอดไส้แทนมันสำปะหลัง และเกิดไฟไหม้พร้อมกันทั้ง 5 แห่ง ประกอบด้วย จ.ราชบุรี จ.กาญจนบุรี จ.ลพบุรี จ.พระนครศรีอยุธยา และจ.สระบุรี โดยที่โกดังแห่งนี้ ถือเป็นการตรวจสอบแห่งแรก จากการตรวจสอบพบว่า การทุจริตครั้งนี้เป็นการเตรียมการไว้ล่วงหน้า ซึ่งดูความเสียหายในพื้นที่น่าจะมากกว่า 120 กว่าล้านบาท แค่ 3 โกดังมีมันเส้นหายไปมากกว่า 19,000 ตัน จึงเท่ากับว่าเงินที่ อคส.จ่ายไปนั้นมากกว่า 400 กว่าล้านบาท เพราะตอนนี้มีแกลบมากกว่ามัน พฤติการณ์ดังกล่าวนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษน่าจะรับเป็นคดีพิเศษได้ จากนี้ ได้แจ้งความในแต่ละจังหวัดทั้ง 5 จังหวัดที่มีโกดังเก็บมันมันเส้นของบริษัท เกษตรพืชผล อินเตอร์เทรดเพราะมีการกระทำความผิดเหมือนกัน และต้องให้ผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบว่ามันเส้นจะสามารถใช้ได้หรือไม่
+++นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้ส่งตัว พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ผู้ต้องขังคดีแอบอ้างสถาบัน เรียกรับสินบนน้ำมันเถื่อน มาคุมขังตามปกติที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แล้วตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค. พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ถูกส่งตัวไปคุมขังที่แดนแรกรับเหมือนเดิม สภาพร่างกายโดยทั่วไปดีขึ้น สามารถเดินและพูดจาได้ปกติ ซึ่งการรับตัวกลับเป็นไปตามวินิจฉัยของแพทย์ที่เห็นว่าอาการดีขึ้นสามารถส่งตัวกลับมาคุมขังได้อย่างไรก็ตาม ได้กำชับเจ้าหน้าที่หากอาการป่วยกำเริบให้รีบนำตัวไปรักษาอาการโดยเร็ว สำหรับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ถูกส่งตัวออกไปผ่าตัดทำบอลลูนหัวใจที่สถาบันโรคทรวงอกเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2557 ก่อนถูกส่งกลับมาพักฟื้นที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ในวันที่ 28 ธ.ค. โดยใช้เวลาพักฟื้นเกือบ 10 วัน แพทย์จึงอนุญาตให้ส่งตัวกลับมาคุมขังในเรือนจำ
+++การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการป้องกันและลดความเสี่ยงอันตรายต่อการบินและอากาศยานจากการปล่อยโคมลอย โคมควัน และการจุดบั้งไฟพลอากาศเอกประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า หน่วยที่เกี่ยวข้อง ได้ออกมาตรการร่วมกันเพื่อกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาและลดความเสี่ยงจากการปล่อยโคมลอย,โคมควัน และการจุดบั้งไฟ จากรายงานของบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย(บวท.) พบว่ามีการจุดบั้งไฟขณะที่ทำการบินโดยไม่ได้รับการแจ้งเตือนล่วงหน้าในปีที่แล้วที่ระดับความสูงถึง 20,000 ฟุตหรือประมาณ 6,000 เมตรจำนวน 107 เที่ยวบินซึ่งเป็นระดับเพดานการบินของเครื่องบินผู้โดยสารทั่วไป และพบโคมลอยจำนวน 16 เที่ยวบิน โดยจะให้กระทรวงมหาดไทยจะเร่งผลักดันร่างพระราชบัญญัติอาวุธปืน,เครื่องกระสุนปืน,วัตถุระเบิด,ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธ ที่ยังไม่มีการควบคุมการจุดบั้งไฟและตะไล จึงต้องจำเป็นต้องเร่งแก้ไขและทำให้มีผลบังคับใช้โดยเร็วในส่วนของการแก้กฎหมายจะต้องใช้ระยะเวลามากพอสมควร เบื้องต้นทางกระทรวงคมนาคมอาจจะมีออกประกาศเพื่อควบคุมโดยภายในสัปดาห์นี้ สำหรับหน่วยงานที่ร่วมลงนามMOU เช่น กระทรวงมหาดไทย,กระทรวงกลาโหม,กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา,กระทรวงศึกษาธิการ,กระทรวงวัฒนธรรม,สำนักงานตำรวจแห่งชาติ,กรมประชาสัมพันธ์,สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และกรุงเทพมหานคร
+++บริษัท อาซาฮี โฮลดิงส์ของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า บริษัทสาขากำลังเรียกคืนอาหารทารกซึ่งเป็นเนื้อผสมมันฝรั่งราว 120,000 ถุง หลังจากพบซากจิ้งหรีดในอาหารทารกดังกล่าว 1 ถุง ขณะนี้ทางบริษัทยังไม่ทราบว่าการปนเปื้อนเกิดขึ้นในกระบวนการผลิตหรือไม่ แต่ได้ตัดสินใจเรียกคืนสินค้าชุดนี้ พร้อมกล่าวขอโทษลูกค้าที่ทำให้เกิดปัญหาและความกังวลขณะเดียวกันบริษัทเซ็นโดะ เจ้าของสาขาซูเปอร์มาร์เก็ตในจังหวัดชิบะทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงโตเกียวกล่าวว่า กำลังเรียกคืนเนื้อบดหลังจากลูกค้าพบเศษโลหะชิ้นเล็กๆในสินค้า และชี้ว่าเศษโลหะดังกล่าวเป็นชิ้นส่วนของเครื่องบด แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานการบาดเจ็บใดๆ
+++นายเบอร์นาร์ด คาเซนูฟ รัฐมนตรีความมั่นคงภายในของฝรั่งเศสว่า ตำรวจหญิงคนหนึ่งเสียชีวิต ส่วนพนักงานเทศบาลคนหนึ่งบาดเจ็บสาหัสในวันนี้ หลังชายคนหนึ่งยิงปืนไรเฟิลอัตโนมัติใส่พวกเขาใกล้สถานีรถไฟใต้ดินแห่งหนึ่งในย่านมาลาคอฟฟ์ ทางตอนใต้ของกรุงปารีส เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงที่มีการประกาศไว้อาลัยทั่วประเทศในเวลา 11.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันนี้และจะมีการลั่นระฆังจากวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส เพื่อไว้อาลัยผู้เสียชีวิต12 ศพ หลังมือปืน 2 คนบุกโจมตีที่ทำการนิตยสารชาร์ลีเอ็บโดในกรุงปารีส เมื่อวานนี้ ส่วนมือปืนยังคงหลบหนี ที่ผ่านมายังไม่มีกลุ่มใดอ้างความรับผิดชอบสำหรับเหตุสังหารหมู่ที่สร้างความตกตะลึงให้แก่คนทั่วประเทศ
+++ด้านอัยการฝรั่งเศส กล่าวว่ามัสยิดในเมืองเลอมองส์ ทางตะวันตกของกรุงปารีสและเมืองนาร์บอนน์ ทางภาคใต้ของฝรั่งเศส ถูกยิงและขว้างระเบิดใส่เมื่อคืนนี้ ส่วนที่ย่านพอร์ตลานูแวลล์ ใกล้เมืองนาร์บอนน์ พบกระสุนหลายนัดอยู่ในฝั่งหอประชุมละหมาดของมัสยิด หลังการละหมาดในช่วงค่ำวานนี้ แต่ขณะเกิดเหตุไม่มีคนอยู่หอประชุม นอกจากนั้นเกิดเหตุระเบิดที่ร้านค้าแห่งหนึ่งใกล้มัสยิดในเมืองวีลฟรองซ์ซูร์โซน ทางภาคตะวันออกของประเทศเมื่อเช้าวันนี้ แต่ไม่มีคนบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
+++ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดช่วงบ่ายที่ระดับ 1,521.62 จุด เพิ่มขึ้น 20.87 จุดมูลค่าการซื้อขาย 53,936.29 ล้านบาท การปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้น ทั้งใน และต่างประเทศยังเกี่ยวข้องกับการที่นักลงทุนต่างรอความชัดเจนจากธนาคารกลางยุโรป(ECB)ในการใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงิน(QE)ออกมา แต่หาก ECB เลื่อนการใช้ QE ออกไปอีก ก็เป็นความเสี่ยงที่ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงได้เช่นกัน
+++ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดทะยานน 281.77 จุด ปิดที่ 17,167.10 จุด โดยเป็นการทะยานขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค.2557
+++ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น 154.27 จุด ปิดวันนี้ที่ 23,835.53 จุด