เม็กซิโก,ชิลีและคอสตาริกาเริ่มต้นโครงการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน

          นางมาเรีย ไอรีน มาริเรซ อายุ 59 ปี พยาบาลชาวเม็กซิกัน หัวหน้าแผนกไอซียูของโรงพยาบาลรูเบน เลเนโรในกรุงเม็กซิโก ซิตีเป็นคนแรกในแถบลาตินอเมริกาที่เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 หลังประธานาธิบดีอันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ ของเม็กซิโก แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์ของรัฐเปิดตัวโครงการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนเมื่อเช้าวานนี้

          นางมาริเรซ เปิดเผยว่า เธอรู้สึกหวาดกลัวการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่ชีวิตของคนเราต้องดำเนินต่อไป และโดยหน้าที่การงานของเธอถือว่ามีความเสี่ยง แต่เธอต้องการจะทำหน้าที่ในด่านหน้าของการควบคุมโรค ดูแลคนไข้ต่อไป สำหรับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของเม็กซิโกเป็นกลุ่มเสี่ยงกลุ่มแรกๆที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีน ซึ่งภาครัฐตั้งเป้าจะดำเนินการให้เสร็จภายในปลายไตรมาสที่ 1 ของปี 2564 ก่อนฉีดวัคซีนให้กลุ่มเสี่ยงอื่นๆ 

          โดยเมื่อวันพุธ (23 ธ.ค.) เครื่องบินขนส่งสินค้าของเม็กซิโกได้ลำเลียงวัคซีนชุดแรก 3,000 โดสแรกจากโรงงานผลิตในเบลเยียมของบริษัทไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค ผู้ผลิตวัคซีนสหรัฐฯ-เยอรมนี มาถึงกรุงเม็กซิโก ซิตี  โดยเม็กซิโกสั่งซื้อวัคซีนรวม 34 ล้านโดสจากบริษัทไฟเซอร์

          ในวันเดียวกัน ชิลีและคอสตาริกาเริ่มเปิดตัวโครงการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนเช่นเดียวกัน ขณะเดียวกันอาร์เจนตินาอนุมัติให้ใช้วัคซีนสปุตนิก 5 จากรัสเซียสำหรับป้องกันโรคโควิด-19 พร้อมทั้งได้รับมอบวัคซีน 300,000 โดสจากรัสเซียเมื่อเช้าวานนี้ (24 ธ.ค.)

          ในปัจจุบัน เม็กซิโก มีผู้ป่วยสะสม 1,362,564 คน เสียชีวิต 121,172 ราย เป็นหนึ่งในศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในอันดับต้นๆของโลก รองจากสหรัฐฯ บราซิลและอินเดีย ขณะที่ชิลีมีผู้ป่วยสะสม 593,310 คน เสียชีวิต 16,303 ราย คอสตาริกา มีผู้ป่วยสะสม 162,990 คน เสียชีวิต 2,086 ราย ส่วนอาร์เจนตินามีผู้ป่วยสะสม 1,563,865 คน เสียชีวิต 42,314 ราย

...