นายกฯ ประชุมศบค. ขอให้รัฐมนตรีทุกคนสร้างความเข้าใจสถานการณ์โควิด-19
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. ในวันนี้ และยืนยันว่า ไม่มีการประกาศมาตรการล็อกดาวน์ โดยเป็นอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดในการออกมาตรการควบคุมโรค
และกล่าวในการประชุมว่า ขอให้รัฐมนตรีทุกคนสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์โรคโควิด-19 โดยเน้นย้ำว่าต้องไม่ประมาท การ์ดอย่าตก ใส่หน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ และเว้นระยะห่าง รวมถึงการสร้างความเข้าใจว่าสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบทั่วโลกการจะกำหนดมาตรการใดๆ จึงต้องดูเรื่องผลกระทบเศรษฐกิจควบคู่ไปด้วย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่และประชาชนทุกคนที่ร่วมกันเสียสละ อดทน ซึ่งไทยเคยทำสำเร็จกันมาแล้ว จึงขอให้กำลังใจให้ทุกคนทำให้สำเร็จอีกครั้ง แต่อย่าประมาทหรือชะล่าใจ ต้องพิจารณาจากบทเรียนครั้งก่อน หากเราไม่ประมาท และ ปรับปรุงมาตรการให้มีประสิทธิภาพก็จะไม่พ่ายแพ้ ดังนั้น ถ้าทุกคนร่วมมือร่วมใจด้วยความสามัคคี เราจะสามารถก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้ และกล่าวด้วยว่า สิ่งที่เสียใจ ก็คือช่วงเวลาปีใหม่ควรจะเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนมีความสุข แต่กลับต้องเพิ่มความเข้มงวดในระดับสูงสุด
ศบค.มีมติแบ่งโซนจังหวัดตามความเสี่ยง
ที่ประชุม ศบค.มีมติแบ่งโซนพื้นที่ เป็น 4 พื้นที่ เพื่อใช้เป็นมาตรการในการควบคุมโรคโควิด-19 ดังนี้
-พื้นที่ควบคุมสูงสุด คือ พื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากและมีมากกว่า 1 พื้นที่ย่อย มี 1 จังหวัด ได้แก่ สมุทรสาคร
-พื้นที่ควบคุม คือ พื้นที่ที่ติดกับพื้นที่ควบคุมสูงสุด หรือพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อเกินกว่า 10 คน และแนวโน้มผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ได้แก่ สมุทรสงคราม ราชบุรี นครปฐม กรุงเทพฯ
-พื้นที่เฝ้าระวังสูง คือ ติดเชื้อมากกว่า 10 คน มีแนวโน้มคุมสถานการณ์ได้ ได้แก่ สระบุรี สมุทรปราการ สุพรรณบุรี นนทบุรี ปทุมธานี อุตรดิตถ์ ฉะเชิงเทรา เพชรบุรี เพชรบูรณ์ พระนครศรีอยุธยา ภูเก็ต กำแพงเพชร โคราช ปราจีนบุรี กระบี่ ขอนแก่น ชัยนาท อุดรธานี พิจิตร นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ฯ ประจวบฯ ชัยภูมิ นครสวรรค์ อ่างทอง
-พื้นที่เฝ้าระวัง คือ จังหวัดอื่นๆ ที่ยังไม่มีผู้ติดเชื้อ และยังไม่มีสิ่งบอกเหตุว่า จะมีผู้ติดเชื้อ
นายกรัฐมนตรี กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวว่า การใช้มาตรการในแต่ละจังหวัด จะใช้มาตรการตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยให้แต่ละจังหวัดพิจารณาความจำเป็นของแต่ละพื้นที่ ผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นผู้มีอำนาจในการสั่งการ โดยใช้ข้อมูลจากคณะกรรมการควบคุมโรคประจำจังหวัด ทั้งฝ่ายความมั่นคง สาธารณสุข และภาคสังคม มาประกอบการตัดสินใจ เพื่อออกมาตรการได้ถูกต้องเหมาะสม
พาณิชย์ประชุมด่วน ลาวห้ามนำเข้าอาหารทะเลจากไทย
กระทรวงพาณิชย์มีการประชุมด่วนในวันนี้ (24 ธ.ค.) ร่วมกับกรมประมง กระทรวงสาธารณสุข ทีม Thailand สปป.ลาว ผู้นำเข้า กรณีที่กระทรวงอุตสาหกรรม และการค้าของ สปป.ลาว ออกคำสั่งห้ามนำเข้าสินค้าอาหารทะเลสดและแช่แข็งทุกชนิดจากประเทศไทยเป็นการชั่วคราว เนื่องจากพบการแพร่ระบาดรอบใหม่ในประเทศไทยที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายอาหารทะเล และมีความกังลว่าจะมีการปนเปื้อนในอาหารทะเลสดและแช่แข็ง
ก่อนหน้านี้ นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้มอบให้ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) ประจำเวียงจันทน์ สปป.ลาว เตรียมพร้อมชี้แจงเพื่อสร้างความมั่นใจเรื่องกระบวนการผลิต โดยเฉพาะการทำความเข้าใจว่าโรคนี้ไม่ติดต่อจากสัตว์สู่คน และทางการไทยมีการออกใบรับรองว่าสินค้าอาหารทะเลของไทยมีกระบวนการผลิตที่ปราศจากเชื้อโควิด
พาณิชย์ขู่ลงโทษเด็ดขาดผู้ค้าเก็งกำไร-กักตุนหน้ากากอนามัย
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ สั่งการให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ ออกตรวจสอบสถานการณ์การจำหน่ายหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ ทั้งในเรื่องของการปิดป้ายแสดงราคา และราคาจำหน่าย หากพบการขายเกินราคา หรือปฏิเสธการขาย โดยยังไม่พบการกักตุน หรือปฏิเสธการขาย แต่พบว่าบางร้านมีสินค้าไม่เพียงพอ เพราะช่วงก่อนหน้านี้ประชาชนซื้อน้อยลง ทำให้ร้านไม่ได้สต๊อกสินค้าเอาไว้ แต่ได้สั่งสินค้าจากโรงงานแล้ว จะได้สินค้าภายใน 2-3 วัน ส่วนหน้ากากอนามัยที่นำเข้าจากต่างประเทศ ผู้นำเข้าต้องมีค่าใช้จ่ายต่างๆ จากการนำเข้า กระทรวงพาณิชย์อนุญาตให้ตั้งราคาขายโดยบวกค่าใช้จ่ายต่างๆ เพิ่มได้ไม่เกินร้อยละ 60 ของราคานำเข้า ยืนยันว่า หน้ากากอนามัยทางการแพทย์มีเพียงพอกับความต้องการใช้ของบุคลากรทางการแพทย์ และผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง โดยล่าสุดมีโรงงานผลิตเพิ่มเป็น 30 แห่ง กำลังการผลิตวันละ 5,000,000 ชิ้น จากในช่วงแรกๆ มี 9 แห่ง ผลิตได้วันละ 1,200,000 ชิ้น
สายการบินอีวีเอแอร์ไต้หวัน ไล่ออกนักบินแพร่โควิด-19 รอบใหม่
สายการบินอีวีเอแอร์เวย์ของไต้หวันไล่ออกนักบินชาวนิวซีแลนด์ที่เป็นผู้ป่วยโควิด-19 ภายในไต้หวันรายแรกนับแต่เดือนเมษายน และทำให้เพื่อนนักบินติดเชื้ออีก 2 คน นอกจากนี้เขายังถูกปรับเงินอีก 300,000 ดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 320,000 บาท) โทษฐานปกปิดข้อมูลต่อหน่วยงานด้านสาธารณสุขในการสอบสวนโรค โดยในระหว่างที่อยู่ในไต้หวัน เขาเดินทางไปหลายสถานที่รวมถึงห้างสรรพสินค้า 2 แห่งแต่เขาอ้างกับเจ้าหน้าที่ว่าจำไม่ได้ว่าไปที่ใดบ้าง และไม่เปิดเผยว่าพบกับหญิงชาวไต้หวัน ซึ่งมีผลตรวจยืนยันเมื่อวันอังคาร (22 ธ.ค.) เป็นบวก
สายการบินระบุว่า นักบินคนนี้ละเมิดกฎข้อบังคับในการป้องกันโรคระบาด และก่อความเสียหายร้ายแรงต่อชื่อเสียงและภาพพจน์ของบริษัท เขาไม่ได้สวมหน้ากากอนามัยขณะปฏิบัติหน้าที่เมื่อต้นปีนี้ทั้งที่นักบินชาวไต้หวันได้เตือนแล้ว
สิงคโปร์พบโควิด-19 กลายพันธุ์ในประเทศแล้ว
สาธารณสุขของสิงคโปร์พบผู้ป่วยโควิด-19 จากอังกฤษมีเชื้อโควิด-19 แบบกลายพันธุ์ โดยเป็นผู้ป่วยหญิงอายุ 17 ปีชาวสิงคโปร์ที่เดินทางไปศึกษาที่สหราชอาณาจักรเมื่อเดือนสิงหาคม และเดินทางกลับมาสิงคโปร์เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม และมีไข้สูงหลังจากที่เดินทางกลับมาได้เพียงวันเดียว จึงถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ส่วนบุคคลใกล้ชิดทั้งหมดเข้ารับการกักตัว ผลการตรวจสอบสายพันธุกรรมพบว่าเป็นสายพันธุ์ บี117 ซึ่งเป็นการกลายพันธุ์ที่พบในอังกฤษ
...