ปธน.ฝรั่งเศสยกย่องตำรวจผู้เสียชีวิตจากการสกัดเหตุกราดยิงในประเทศ
ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส ซึ่งยังคงถูกกักตัวเนื่องจากการติดเชื้อโควิด-19ทวีตข้อความยกย่องเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นายซึ่งเสียชีวิตจากความพยายามสกัดเหตุกราดยิงที่เมืองแซงต์-จูสทางตอนกลางของประเทศ โดยยกย่องว่าเป็นวีรบุรุษ
โดยในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้มีตำรวจเสียชีวิต 3 นาย บาดเจ็บ 1 นาย ส่วนมือปืนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เหตุการณ์นี้มีจุดเริ่มต้นจากการทะเลาะวิวาทในบ้านหลังหนึ่ง แต่เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงบ้านที่เกิดเหตุ คนร้ายก็กลับก่อเหตุกราดยิง และวางเพลิงเผาบ้าน
อียูเริ่มผ่อนปรนคำสั่งห้ามผู้ที่เดินทางมาจากอังกฤษเข้ามาในยุโรป
หลายประเทศยุโรปเริ่มยกเลิกคำสั่งห้ามผู้ที่เดินทางมาจากอังกฤษ เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 ที่มีการกลายพันธุ์ทำให้สามารถแพร่ระบาดได้ง่ายกว่าเดิม หลังจากที่คณะกรรมาธิการยุโรป ได้ออกข้อเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกพิจารณาทบทวนมาตรการ เพราะจะทำให้การเดินทางและการผลิตต่าง ๆ เกิดอุปสรรคปัญหา จึงเสนอให้ผู้ที่เดินทางมาจากอังกฤษมีผลการทดสอบโควิดเป็นลบในช่วง 72 ชั่วโมงก่อนเดินทางเข้ามาในยุโรป
โดยเมื่อวานนี้ (23 ธ.ค.) ฝรั่งเศสและเนเธอร์แลนด์เปิดการเดินทางข้ามพรมแดนกับอังกฤษอีกครั้งแต่ยังกำหนดให้ผู้เดินทางต้องแสดงผลการตรวจโควิด-19 ที่เป็นลบ
องค์การอนามัยโลกหารือยุทธศาสตร์โควิดกลายพันธุ์
องค์การอนามัยโลกภาคพื้นยุโรปจัดการประชุมยุทธศาสตร์การตรวจและการลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อของไวรัสโควิดกลายพันธุ์ ซึ่งผู้บริหารของบริษัทผู้วิจัยวัคซีนต่างรับรองว่าวัคซีนของตน มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคได้
ผู้บริหารของไบโอเอ็นเทคจากเยอรมนี ยืนยันว่า วัคซีนของบริษัทที่ใช้เทคโนโลยี mRNA มีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสกลายพันธุ์ โดยวัคซีนของบริษัทประกอบด้วยกรดอะมิโนกว่า 1,270 ชนิด ขณะที่ในไวรัสกลายพันธุ์มีกรดอะมิโนเพียง 9 ชนิด ที่เปลี่ยนแปลง เท่ากับว่าโปรตีนร้อยละ 99 ของไวรัสกลายพันธุ์ยังคงมีลักษณะเดิม นอกจากนี้ เทคโนโลยี mRNA ยังทำให้นักวิจัยสามารถปรับส่วนประกอบทางพันธุกรรมในวัคซีนอย่างรวดเร็วเพื่อให้ตรงกับโปรตีนในไวรัสกลายพันธุ์ และหากจำเป็นบริษัทสามารถผลิตวัคซีนใหม่ได้ภายใน 6 สัปดาห์เท่านั้น
ด้านโมเดอร์นาของอเมริกา, เคียวแว็กของเยอรมนี ที่ใช้เทคโนโลยี mRNA ต่างยืนยันประสิทธิภาพของวัคซีนตนเองเช่นกัน รวมถึงแอสตราเซเนกาของอังกฤษ ที่ใช้ไวรัสอะดีโนที่พบในชิมแปนซีในการสร้างส่วนประกอบทางพันธุกรรมจากไวรัสโคโรนาเพื่อกระตุ้นการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน
เกาหลีใต้วิจารณ์รัฐบาลไม่เร่งฉีดวัคซีน
ประธานาธิบดี มุน แจอิน แห่งเกาหลีใต้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักที่ไม่มีการเร่งรัดแผนการจัดซื้อวัคซีนป้องกันโควิด-19 จากต่างประเทศ และพึ่งพาวัคซีนที่ผลิตในประเทศมากเกินไป ในขณะที่ประเทศมีผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นในระดับที่เกือบเป็นสถิติใหม่
โดยชาวเกาหลีใต้ 6 ใน 10 คนมีความเห็นว่าความเร่งด่วนเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นลำดับแรก และรัฐบาลควรเริ่มโครงการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยเร็วที่สุดเพื่อชะลอจำนวนผู้ติดเชื้อยืนยันรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคแห่งเกาหลีใต้ รายงานจำนวนผู้ป่วยใหม่ 1,092 คน ในรอบ 24 ชั่วโมง ซึ่งมากเป็นอันดับ 2 รองจากสถิติสูงสุด 1,097 คนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (20 ธ.ค.) และทำให้จำนวนผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 52,550 คน เสียชีวิต 739 ราย
ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ออกแถลงการณ์ยืนยันว่าโครงการฉีดวัคซีนจะเริ่มได้ในอีกไม่ช้า และหน่วยงานสาธารณสุขเกาหลีใต้แสดงความกังวลที่ประชาชนส่วนใหญ่เร่งรัดให้มีการฉีดวัคซีนโดยเร็ว โดยขอให้พิจารณาถึงความปลอดภัยของวัคซีนมากกว่า
อินโดฯมีผู้ป่วยโควิดมากกว่า 680,000 คนแล้ว
กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซียเปิดเผยว่า จำนวนผู้ป่วยยืนยันในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีจำนวน 7,514 คนส่งผลให้มีผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 685,639 คนซึ่งเป็นจำนวนที่มากที่สุดในกลุ่มอาเซียน และพบผู้ป่วยทั้ง 34 จังหวัดของประเทศแล้ว
ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 51 ราย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตรวม 20,408 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในอาเซียนเช่นกัน
ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ผู้นำอินโดนีเซีย ประกาศปรับคณะรัฐมนตรีถึง 6 คน รวมถึงรัฐมนตรีสาธารณสุข เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการควบคุมโควิด-19 ขณะที่นักระบาดวิทยาเรียกร้องให้รัฐบาลใช้มาตรการที่มีความเข้มงวดขึ้น
เมียนมาติดเชื้อโควิดมากกว่า 118,000 คน
กระทรวงสาธารณสุขและการกีฬาของเมียนมาแถลงว่า ผู้ป่วยรายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีจำนวน 923 คนส่งผลให้มีจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 118,869 คน และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 23 ราย รวมมีผู้เสียชีวิตแล้ว 2,507 ราย ซึ่งเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่พบผู้ป่วย 2 รายเมื่อวันที่ 23 มีนาคม
น้ำมันตลาดโลกปรับขึ้น
ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับขึ้น หลังจากที่สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานแห่งสหรัฐฯ (อีไอเอ) รายงานว่าคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศมีปริมาณลดลง บ่งชี้ว่ามีการใช้พลังงานในกระบวนการผลิตมากขึ้น
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 1.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 48.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
เบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 1.12 ดอลลาร์ ปิดที่ 51.20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ส่วนหุ้นสหรัฐฯ ได้รับปัจจัยจากข้อมูลผู้เข้ารับสวัสดิการคนว่างงานรายสัปดาห์ลดลงสู่ระดับ 5,300,000 คน และนักลงทุนหันไปถือครองหุ้นในกลุ่มที่น่าจะได้ประโยชน์จากการกลับมาเปิดเศรษฐกิจ
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 114.32 จุด หรือร้อยละ 0.38 ปิดที่ 30,129.83 จุด
เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 2.75 จุด หรือร้อยละ 0.07 ปิดที่ 3,690.01 จุด
แนสแดค ลดลง 36.80 จุด หรือร้อยละ 0.29 ปิดที่ 12,771.11 จุด
....