การเดินทางมาชี้แจงในการแถลงเปิดคดีของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา(ส.ว.) ที่ถูกยื่นถอดถอนในประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ที่มาของวุฒิสภาหรือส.ว. นายนิคม ระบุว่า กระบวนการทางกฎหมายถูกก้าวล่วงและดำเนินไปอย่างไม่เป็นธรรม จึงต้องแถลงเปิดคดีด้วยตัวเอง เพื่อให้กระบวนการทางยุติธรรมยังคงอยู่ โดยจะชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา คือ การรับญัตติปิดประชุมโดยไม่ได้ให้สมาชิกอภิปรายได้เต็มที่ โดยการแถลงจะใช้ข้อกฎหมายและหลักฐานเอกสารที่มีอยู่ในการต่อสู้ เชื่อว่าหลักฐานที่เป็นเอกสารจำนวนกกว่าพันหน้าและวีดีทัศน์บันทึกการประชุมที่เคยยื่น ไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ยังอ่านไม่หมด ทำให้ตกประเด็นที่สำคัญอยู่มาก รวมทั้งจะชี้แจงด้วยว่า เอกสารที่ป.ป.ช.กล่าวหาตัวเอง มีข้อมูลที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงอยู่มาก นายนิคม ยังระบุว่า ในวันที่ 14 มกราคมตัวเองจะเดินทางมาตอบข้อซักถามของคณะกรรมาธิการอีกครั้ง และคาดว่าภายในวันที่ 21 มกราคมจะสามารถแถลงปิดคดีได้ ซึ่งทำให้ไม่เกินวันที่ 24 มกราคม ที่ประชุมจะต้องลงมติถอดถอน ส่วนผลจะเป็นอย่างไรก็พร้อมยอมรับ พร้อมระบุถึงอนาคตทางการเมืองด้วยว่า ตัวเองคงไม่กลับมาอีกแล้ว เนื่องจากต้องการมาเพื่อพัฒนาประเทศและสร้างพันธมิตร ไม่ต้องการมีศัตรูเหมือนปัจจุบัน
ส่วนการประชุมสนช. นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. ในฐานประธานในที่ประชุม เปิดเผยว่า วาระการถอดถอนอดีต 38 สมาชิกวุฒิสภา กรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มาของส.ว. ได้นำบรรจุในวาระการประชุมวันที่ 21 มกราคมนี้เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ที่ประชุมสนช.ยังลงมติวาระแรกรับร่างพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอไว้พิจารณา ด้วยคะเเนนเสียงเห็นด้วย 190 เสียง งดออกเสียง 5 เสียง ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญแปรญัตติจำนวน 15 คน กำหนดแปรญัตติ 7 วัน เวลาดำเนินการ 15 วัน ซึ่งพล.อ. อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะตัวแทนคณะรัฐมนตรี ระบุว่า ร่างดังกล่าวจะช่วยปรับปรุงวิธีการพิจารณาศาลทหารให้ทันสมัยมากขึ้น โดยร่างเดิมไม่ได้มีการปรับปรุง ทำให้มีความล่าหลังมาก รวมทั้งจะช่วยปรับอัตราเงินค่าตอบแทนด้วย
ธีรวัฒน์