พ.ต.อ.อภิชาติ วรรณภักดิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.สมุทรสาคร ชี้แจงเรื่องการพังกำแพงรั้วในพื้นที่กักตัวของชาวเมียนมาว่า เมื่อสองวันที่แล้วเจ้าหน้าที่ทหารได้นำรั้วลวดหนามไปซ่อมแซมแล้ว เนื่องจาก กำแพงแห่งนี้เป็นกำแพงเก่าและพังลงมาเอง ในวันนี้ได้ซ่อมแซมทำให้แน่นหนามากขึ้น มีการสอบถามคนที่อยู่ด้านใน ระบุว่า ช่องทางนี้เป็นช่องทางที่ออกไปซื้อของ เมื่อเอาลวดหนามไปกั้น ทำให้เกรงว่าจะไม่ได้ออกไปไหน ทางเจ้าหน้าที่ได้อธิบายให้เข้าใจ ซึ่งชาวเมียนมาได้เข้าใจ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจตลอด 24ชั่วโมง และจัดชุดเคลื่อนที่เร็วลงพื้นที่ 6 ชุดปฎิบัติการ ให้ครอบคลุมในพื้นที่ ส่วนที่มีการระบุว่า เมื่อคืนนี้มีชาวเมียนมาหลบออกไปได้ 2 คน ยังไม่ได้รับรายงาน ขอตรวจสอบก่อน และไม่สามารถเข้าไปนับยอดจำนวนได้เพราะเป็นพื้นที่กักกัน
นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ชี้แจงว่า ขอเวลาในการจัดระบบให้เรียบร้อย จึงจะสามารถเช็คยอดจำนวนคนทั้งหมดที่แน่นอนได้ เพราะเกี่ยวข้องกับเรื่องชีวิตความเป็นอยู่และเรื่องอาหาร ในฐานะที่ดูแลทุกเรื่องจะรับคำร้องของทุกฝ่ายไปพิจารณา แต่ขอทำความเข้าใจเรื่องกำลังของเจ้าหน้าที่ที่ในตอนนี้ พยายามที่จะคัดกรองให้เร็วที่สุด และการจะเข้าไปนับยอดจะต้องมีอุปกรณ์ในการป้องกันตัว ความสำคัญของการนับยอด คือ การรักษาพยาบาล เพราะคนที่จะเข้าไปดูแลในแต่ละเรื่อง จะเป็นคนละทีม นอกจากนี้ ปัญหาในการทำงาน คือ ชื่อของแรงงานแต่ละคนที่อ่านยาก สิ่งสำคัญมากกว่าการเช็คยอดคือการที่จะทำอย่างไรให้เชื้อโควิด-19 หมดไป วันนี้ขอเน้นการใช้มาตรการด้านสาธารณสุขก่อนถึงจะดำเนินคดีตามกฎหมาย คาดว่า จะเป็นปีหน้า
นพ.อนุกูล ไทยถานันดร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมุทรสาคร กล่าวถึง การเตรียมโรงพยาบาลสนาม รองรับสถานการณ์ว่าจะต้องเป็นพื้นที่ที่ห่างไกลชุมชน มีการดูแลรักษาในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการ เบื้องต้น เตรียมไว้ประมาณ 30 เตียง
ส่วนการตรวจคัดกรองในขณะนี้ แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะคือ
-การตรวจในโรงพยาบาล ตามที่หมอสงสัย
-การตรวจพื้นที่เชิงรุกในกลุ่มเสี่ยง