หลังจากศาลชั้นต้นของฮ่องกง มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายนว่า การที่รัฐบาลฮ่องกงประกาศใช้กฎหมายเก่าในยุคที่ฮ่องกงอยู่ภายใต้อาณานิคมของอังกฤษ ห้ามประชาชนสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ประท้วงเมื่อวันที่ 5 ตุลาคมปีที่แล้ว ขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญของฮ่องกง แต่พนักงานอัยการ ไม่เห็นด้วยพร้อมยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์พิจารณาทบทวนเรื่องนี้ ล่าสุด ศาลอุทธรณ์ของฮ่องกงมีคำพิพากษาในวันนี้ กลับคำตัดสินของศาลชั้นต้น ระบุว่า คำสั่งของรัฐบาลในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อควบคุมการประท้วงเมื่อปีที่แล้ว เป็นเรื่องที่เหมาะสมและไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญของฮ่องกง
ศาลอุทธรณ์ ระบุว่า นางแคร์รี่ หลั่ม ผู้บริหารสูงสุดฮ่องกง มีอำนาจที่จะประกาศใช้กฎหมายในช่วงที่เกิดสถานการณ์ฉุกเฉินโดยไม่ต้องขออนุมัติจากที่ประชุมสภานิติบัญญัติของฮ่องกงก่อน ก่อนหน้านี้ เกิดการประท้วง 7 เดือน ในฮ่องกงนับแต่เดือนมิถุนายนปีที่แล้ว จนรัฐบาลฮ่องกงประกาศมาตรการห้ามประชาชนชุมนุมในสถานที่สาธารณะ ทั้งนี้เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และต่อมารัฐบาลจีนประกาศใช้กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่สำหรับฮ่องกงเมื่อเดือนมิถุนายน พร้อมทั้งจับแกนนำดำเนินคดีตามกฎหมาย ทำให้การประท้วงยุติลงเรื่อยมา
สำหรับสถานการณ์การประท้วงเมื่อปีที่แล้ว ผู้ประท้วงส่วนใหญ่สวมหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้าระหว่างการประท้วงเพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่าผู้ประท้วงคือใคร เกรงว่าอาจจะถูกตำรวจติดตามจับกุมเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย หลายๆครั้งเกิดเหตุปะทะระหว่างตำรวจกับกลุ่มผู้ประท้วง ต่างจากสถานการณ์ในปัจจุบันซึ่งรัฐบาลออกกฎระเบียบให้ประชาชนทุกคนสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่สาธารณะ เช่น เมื่ออยู่ในห้างสรรพสินค้า หรือเมื่อใช้บริการรถประจำทางหรือรถไฟเพื่อลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
Cr: AFP