ประธานาธิบดีเซบาสเตียน ปีเญรา ของชิลี ถูกปรับเงิน 3,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 100,000 บาท ให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในชิลี เนื่องจาก ฝ่าฝืนมาตรการบังคับสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่สาธารณะ
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นเดือนนี้ ระหว่างที่ประธานาธิบดีปีเญรา กำลังเดินเล่นอยู่เพียงลำพังบริเวณชายหาดใกล้บ้านในวันที่มีแสงแดดสดใส มีหญิงคนหนึ่งมาพบและจำได้ว่าเขาเป็นใคร เธอจึงขอถ่ายภาพคู่ ซึ่งประธานาธิบดีปีเญรา ตกลง หลังจากนั้นภาพนี้ได้รับการส่งต่ออย่างรวดเร็วในสื่อออนไลน์ของชิลี ทำให้เห็นว่าทั้งสองคนยืนใกล้ชิดกันมาก และไม่มีใครสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า
ประธานาธิบดีชิลี แถลงขอโทษ และยืนยันว่าเขาไปชำระค่าปรับกับตำรวจแล้ว
รายงานระบุว่า ประธานาธิบดีชิลี ตกเป็นข่าวอื้อฉาวมาแล้วหลายหน ทั้งการออกไปร่วมปาร์ตี้กินพิซซ่าในคืนที่ประชาชนออกมาชุมนุมประท้วงต่อต้านความไม่เป็นธรรมทางสังคมในกรุงซันติอาโก เมื่อปีที่แล้ว และยังไปยืนถ่ายรูปที่จัตุรัสใจกลางเมืองซึ่งเคยเป็นสถานที่ชุมนุม หลังจากที่โควิด-19 ทำให้พวกผู้ประท้วงต้องเก็บตัวอยู่บ้าน
ทางการชิลี มีกฎเข้มงวดเรื่องการสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะทุกแห่ง โดยผู้ฝ่าฝืนจะมีโทษตั้งแต่ถูกปรับเงินจนถึงจำคุก
สถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาดในชิลี พุ่งขึ้นถึงจุดพีคเมื่อเดือน พ.ค.-มิ.ย. 2563 ซึ่งเป็นฤดูหนาวของซีกโลกใต้ และเริ่มชะลอตัวลงเรื่อยๆ จนถึงช่วงเดือน พ.ย. 2563 และเวลานี้ยอดผู้ติดเชื้อเริ่มกลับมาพุ่งสูงขึ้นอีก ทำให้รัฐบาลต้องบังคับใช้ข้อจำกัดและมาตรการกักกันโรคอีกครั้ง
ชิลีมีผู้ป่วยโควิด-19 สะสมราว 580,000 คน นับตั้งแต่เชื้อเริ่มแพร่ระบาดเมื่อเดือน มี.ค. 2563 และมีผู้เสียชีวิตแล้วประมาณ 16,000 ราย
CR:twitter.com/LANACION