นางเดโบราห์ กลาสส์ ผู้ตรวจการรัฐสภาของรัฐวิกตอเรีย ออสเตรเลีย เปิดเผยว่า การที่นายแดเนียล แอนดรูว์ส ผู้ว่าการรัฐวิกตอเรีย ออกคำสั่งฉุกเฉินให้ล็อกดาวน์อาคารสูงรวม 9 แห่งของการเคหะออสเตรเลียในเมืองเมลเบิร์น เมืองเอกของรัฐวิกตอเรีย 2 สัปดาห์เริ่มตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม ผู้พักอาศัย 3,000 คนถูกล็อกดาวน์ หลังพบการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แบบกลุ่มก้อนในอาคารสูง เข้าข่ายละเมิดสิทธิมนุษยชน ประชาชนหลายคนไม่มีเวลาเตรียมตัวเช่นไปซื้อสิ่งของจำเป็นสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น อาหาร หรือยาไว้ใช้ระหว่างการล็อกดาวน์
เธอเรียกร้องให้ผู้ว่าการรัฐวิกตอเรีย แสดงความรับผิดชอบด้วยการขอโทษประชาชนกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น การออกคำสั่งเร่งด่วนในลักษณะเช่นนี้ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน
ด้านนายริชาร์ด วินน์ รัฐมนตรีการเคหะของรัฐวิกตอเรีย ปฏิเสธว่า มาตรการกักกันของภาครัฐกระทำเพื่อควบคุมโรคไม่ถือว่าละเมิดต่อกฎหมายที่คุ้มครองสิทธิมนุษยชน ภาครัฐจึงไม่จำเป็นต้องขอโทษประชาชนสำหรับการออกมาตรการเพื่อปกป้องชีวิตของประชาชนให้ปลอดภัย
ทั้งนี้ องค์กรผู้ตรวจการของรัฐสภาออสเตรเลีย เป็นหน่วยงานที่มีอำนาจรับเรื่องร้องเรียนต่างๆเกี่ยวกับการบริหารของรัฐบาลมาสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงเท่านั้น ไม่มีอำนาจที่จะยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อดำเนินคดีกับหน่วยงานของรัฐ ในปัจจุบัน ออสเตรเลีย มีผู้ป่วยสะสม 28,071 คน เสียชีวิต 908 ราย
Cr: BBC