ระหว่างเปิดงานสายการผลิตหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ขององค์การเภสัชกรรม (อภ.)ที่โรงงานผลิตยารังสิต ปทุมธานี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า อภ.อยู่ระหว่างการเตรียมผลิตยารักษาโควิด-19 ขณะนี้มีการซื้อสารตั้งต้นเข้ามาแล้วอยู่ระหว่างการทดลองและอยู่ระหว่างการให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เข้ามาตรวจสอบมาตรฐานและอนุมัติให้มีการผลิตยาต่อไป
ส่วนปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 เมื่อต้นปี 2563 ทำให้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และ อภ.ต้องเข้ามาแก้ไขปัญหา และเดินสายการผลิตหน้ากากอนามัยเพื่อให้มีใช้ในประเทศอย่างเพียงพอ และเป็นส่วนที่ช่วยตรึงราคาขายในประเทศให้อยู่ในอัตราที่เหมาะสม เป็นธรรม ไม่ทำให้เกิดการกักตุน
นอกจากนี้ อภ.ยังมีแผนการผลิตหน้ากากชนิด N95 และชุดป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ด้วย เพื่อให้ประเทศไทยพึ่งพาตัวเองได้ การขาดแคลนหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 เป็นสิ่งที่น่าเจ็บใจ เพราะเราต้องพึ่งพาคนอื่นทั้งหมด ทั้งที่เราเป็นกระทรวงสาธารณสุข แต่หาหน้ากากอนามัยไม่ได้ เพราะมีพ่อค้าที่เห็นแก่ตัวกักตุนสินค้าและนำไปขายให้ประชาชนชิ้นละ 20-40 บาท ทั้งที่ควรจะอยู่ในกล่องบรรจุกล่องละ 50-100 ชิ้น สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ชื่อเสียงของกระทรวงสาธารณสุขก็หมองไปด้วย
ด้านนพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผอ.องค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า อภ.มีกำลังการผลิตหน้ากากอนามัยทางการแพทย์เดือนละ 1 ล้านชิ้น หรือ 10-12 ล้านชิ้นต่อปี โดยเป็นหน้ากากแบบใช้ครั้งเดียวสำหรับ รพ.ทั่วไปใช้ป้องกันอนุภาคต่างๆ เลือดหรือสารคัดหลั่งในร่างกาย เบื้องต้นจะกระจายหน้ากากอนามัยนี้ให้กับ รพ.ภาครัฐ และบางส่วนจำหน่ายในร้านขายยาของ อภ.ทั้ง 8 สาขาและออนไลน์
ส่วนแผนระยะถัดไปจะผลิตหน้ากากอนามัยชนิดมาตรฐานการป้องกันระดับ 2 เพื่อใช้ทางการแพทย์ในหน่วยฉุกเฉินหน่วยทันตกรรม สามารถกรองแบคทีเรียและอนุภาค ขนาดเล็ก 0.1 ไมครอนได้ถึงร้อยละ98 รวมถึงการกรอง PM 2.5 ได้ด้วย
สำหรับ อภ.เป็นรัฐวิสาหกิจ ผลกำไรต่างๆต้องถูกนำกลับไปทำประโยชน์ให้กับประชาชนต่อไป และในอีก 2 สัปดาห์ อภ.จะมีกรรมการชุดใหม่ที่มี นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน เพื่อร่วมมือกันในการสร้างความมั่นคงของระบบสุขภาพของประเทศไทยต่อไป
CR:FB องค์การเภสัชกรรม