นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เปิดเผยถึงการติดเชื้อในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์รวม 7 คน ที่พบในสถานที่กักกันทางเลือกว่าพบเชื้อที่ลูกบิดประตู ดังนั้นขอฝากสถานประกอบการทุกแห่ง ทั้งสถานที่พัก ห้างสรรพสินค้า เข้มงวดในพื้นที่เสี่ยงสัมผัสให้มากขึ้น และขอให้ทุกคนช่วยกันปฎิบัติตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข จะได้ไม่ต้องกลับไปล็อกดาวน์ หรือใช้เคอร์ฟิว จะเห็นได้ว่าสถานการณ์ในต่างประเทศ เช่น ที่ฝรั่งเศสกลับมาใช้เคอร์ฟิวแทนการล็อกดาวน์
-จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) จะต้องตรวจสอบมาตรฐานของโรงแรม สถานที่กักกันทางเลือกให้มีความเข้มงวดมากขึ้น ขณะที่ โรงพยาบาลเอกชน ควรจัดให้มีเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบด้านนี้โดยตรง และต้องมีการเตรียมวัสดุอุปกรณ์ป้องกันโควิด-19 ด้วย
-ผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 15 คน ในจำนวนนี้รวมถึงคนไทย 3 คน ที่เดินทางมาจากเมียนมา เป็นรายที่ 12-14 พบว่า เป็นผู้หญิงอายุ 24 ปี 33 ปี และ 34 ปี เป็นพนักงานในสถานบันเทิงที่จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา คนที่ อายุ 33 ปี เป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อจากการสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้
-อาการผู้ป่วยชายอายุ 70 ปี ที่จ.ตาก ยังรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู มีอาการติดเชื้อทางเดินหายใจ อยากให้หายป่วยเร็วๆ
ด้าน นพ.วิชาญ ปาวัน ผู้อำนวยการสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ยืนยันว่า 7 จังหวัด ที่พบผู้ป่วยติดเชื้อก่อนหน้านี้ บางจังหวัดครบกำหนดการกักตัว 14 วันแล้ว บางจังหวัดก็ใกล้จะครบกำหนดการกักตัว ขอให้มั่นใจว่าทุกจังหวัดปลอดภัย เช่น ที่ จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ และอีกหลายจังหวัดรวม 7 จังหวัด รวมถึงการควบคุมคนไทยที่เดินทางกลับมาจากจ.ท่าขี้เหล็ก เมียนมา ขณะนี้ยังไม่มีพื้นที่ไหนที่มีการระบาดเพิ่มขึ้นและยังไม่มีการติดเชื้อในประเทศเพิ่มเติมด้วย การเดินทางท่องเที่ยวสามารถเดินทางได้ไม่ต้องกักตัวและขอให้ทุกคนช่วยกันรักษามาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในช่วงส่งท้ายปีมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ขอให้ทุกคนช่วยกันจะได้ไม่ต้องกลับไปล็อกดาวน์หรือบังคับใช้เคอร์ฟิว เพราะในวันนี้ประเทศฝรั่งเศส ก็ประกาศใช้มาตรการเคอร์ฟิว ไม่อยากให้ประเทศไทยเป็นแบบต่างประเทศ
แฟ้มภาพ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข