กรณีชาวมุสลิมอุยกูร์กลุ่มหนึ่ง ซึ่งลี้ภัยในต่างแดนยื่นเรื่องร้องเรียนต่อสำนักงานอัยการของศาลอาญาระหว่างประเทศ(ICC)ในกรุงเฮก เนเธอร์แลนด์ เมื่อเดือนกรกฎาคม ขอให้พนักงานอัยการประจำศาล ICC สอบสวนและดำเนินคดีกับประเทศจีนในข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ระบุว่าทางการจีนสั่งกักขังชาวอุยกูร์กว่าหนึ่งล้านคนในศูนย์ฝึกอาชีพของมณฑลซินเจียงทางภาคตะวันตกของประเทศจีน อีกทั้งบังคับทำหมันชาวอุยกูร์ที่เป็นสตรี เข้าข่ายละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง
นางฟาตู เบนซูดา หัวหน้าอัยการประจำศาลอาญาระหว่างประเทศ(ICC)ในกรุงเฮก เนเธอร์แลนด์ ระบุในแถลงการณ์ว่าพนักงานอัยการประจำศาล ICC ตรวจสอบเอกสารและหลักฐานทั้งหมดแล้วเห็นว่าพนักงานอัยการไม่สามารถจะดำเนินการสอบสวนเรื่องนี้ เนื่องจากการกระทำต่างๆตามคำฟ้องนั้นเกิดขึ้นในอาณาเขตของประเทศจีน ซึ่งไม่ได้เป็นผู้ร่วมลงนามในธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยการจัดตั้งศาล ICC ในปี 2541 นอกจากนั้น ประเด็นตามข้อร้องเรียนส่วนใหญ่ล้วนไม่อยู่ในเงื่อนไขเรื่องเขตอำนาจศาล ICC ที่จะสั่งพิจารณาคดีได้เช่นกัน
สำหรับข้อร้องเรียนอีกประเด็นหนึ่งคือ การที่ชาวอุยกูร์ถูกบังคับส่งตัวกลับประเทศจีนจากทาจิกิสถานและกัมพูชา นางเบนซูดา ระบุว่าพนักงานอัยการประจำศาล ICC ไม่มีอำนาจสอบสวนในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน
ด้านประเทศจีน กล่าวถึง ข้อกล่าวหาดังกล่าวว่าไม่เป็นความจริง ระบุว่า ศูนย์ฝึกอาชีพในมณฑลซินเจียง อบรมให้คนมีอาชีพ ทำให้คนล้มเลิกแนวคิดการเป็นผู้ก่อการร้าย
Cr: AFP, Yahoo Finance