ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.วันอังคารที่ 15 ธันวาคม 2563

พบทุจริตคนละครึ่ง 700 ราย ก.คลัง ประสาน ตร.ดำเนินคดี

          นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า  พบร้านค้าและประชาชนที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง เฟสที่ 1 ทำความผิด จำนวน 700 คดี กระทรวงการคลังได้ประสานงานกับตำรวจให้ดำเนินการสอบสวนกรณีเหล่านี้แล้ว

          เช่นเดียวกับ โครงการเราเที่ยวด้วยกันที่มีการทุจริต กระทรวงการคลังพบสิ่งผิดปกติ ก็จะส่งให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นผู้ตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไป ททท. กระทรวงการคลังและธนาคารกรุงไทย วิเคราะห์ธุรกรรมและประสานสมาคมโรงแรมไทย หาทางป้องกันการฉ้อโกงแล้ว การจองที่รวดเร็วเป็นพิเศษ อาจได้รับแรงสนับสนุนจากความต้องการท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่น แต่ต้องตรวจสอบว่ามีการกระทำผิดหรือไม่ การฉ้อโกงพบได้ในแคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยวก่อนหน้านี้

          สำหรับการกดปุ่มยืนยันการเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง เฟสที่ 2 ผ่านแอปพลิเคชั่น "เป๋าตัง" ประชาชนสามารถดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.2563 เป็นต้นไป โดยปุ่มนี้จะปรากฏเตือนบนหน้าแอปพลิเคชั่นทุกครั้ง จนกว่าผู้ได้รับสิทธิเดิมจะกดยืนยันรับสิทธิ และปุ่มดังกล่าวไม่มีวันหมดอายุ ซึ่งเมื่อกดเข้าร่วมโครงการเฟส 2 แล้ว จะเริ่มใช้เงิน 500 บาท ที่ได้รับเพิ่มเติมในวันที่ 1 ม.ค.2564 ถึงวันที่ 31 มี.ค. 2564

          นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า เตรียมความพร้อมระบบการลงทะเบียนรองรับนักลงทะเบียนมือไฟ ไว้แล้ว ระบบรองรับการลงทะเบียนได้ถึง 500,000 รายการต่อวินาที และยังได้พัฒนาระบบการส่งรหัสผ่าน OTP ที่ล่าช้า ด้วยการเพิ่มผู้ให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคมจาก 1 ราย เป็น 2 ราย เพื่อลดการกระจุกตัวของข้อมูล สามารถรองรับการส่งข้อความได้ถึง 9,000-8,000 ข้อความต่อวินาที

CR:กระทรวงการคลัง

มาตรการคนละครึ่ง-เติมเงินใส่บัตรสวัสดิการฯ ทำให้จีดีพีโต 0.2%

          น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า โครงการคนละครึ่งเฟส 2 ที่เปิดให้ลงทะเบียนเพิ่ม 5,000,000 สิทธิ และการเติมเงินใส่บัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเติมจำนวน 500 บาท 3 เดือน ประเมินว่าจะช่วยทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ในปี 2564 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 จะทำให้มีเม็ดเงินใส่ลงไปในระบบเศรษฐกิจกว่า 60,000 ล้านบาท ส่วนเศรษฐกิจปี 2564 จะขยายตัวได้ดีกว่าร้อยละ 4.5 ตามที่คาดการณ์เดิมหรือไม่ ยังตอบไม่ได้ เพราะเดิม สศค.คาดว่าจีดีพีปี 2563 จะติดลบร้อยละ 7.7 แต่ปัจจุบันสถานการณ์ดีขึ้นจากปัจจัยหลายข้อ

          โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ไม่แน่นอน จะต้องไม่ให้เกิดการล็อกดาวน์อีก เพราะเงินที่ใช้สำหรับการเยียวยามากกว่าใช้กับมาตรการป้องกันโควิด-19 ดังนั้นประชาชนทุกคนจะต้องระมัดระวังป้องกันตัวเองอยู่เสมอ

          ส่วนอีกปัจจัยหนึ่งที่ต้องติดตาม คือภาคการบริโภค ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 60 ของจีดีพี เนื่องจากในปีนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติหายไปร้อยละ 100 ดังนั้น จึงต้องรอดูว่าปีหน้าการบริโภคจะกลับมามากน้อยแค่ไหน

          นอกจากนี้ ต้องรอดูนโยบายการเงินการคลังของสหรัฐฯ ซึ่งขณะนี้นายโจ ไบเดน ขึ้นมารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ว่าจะเป็นไปในทิศทางใด ขณะที่การเมืองก็เป็นอีกปัจจัยที่ต้องจับตามองเช่นเดียวกันถึงแม้จะส่งผลไม่มากนัก

หมอ แนะจัดงานเล็ก คนเข้าร่วมน้อย-แบ่งโซน ลดความเสี่ยงโควิด-19

          การจัดกิจกรรมช่วงปลายปีให้ปลอดภัย นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึง การจัดงานแสดงดนตรี คอนเสิร์ต วิธีที่ดีที่สุดคือจัดงานขนาดเล็กมีคนร่วมจำนวนไม่มาก หรือถ้ามีคนมาก ในงานควรแบ่งโซนหรือจัดพื้นที่เป็นซอย และพยายามให้กลุ่มเดียวกันอยู่ซอยเดียวกันไม่ให้ข้ามโซนหรือซอย เป็นการจำกัดความเสี่ยงไม่ให้กระจาย สมมติมีคนร่วมงาน 30,000 คน แต่จัดซอยย่อยๆไม่เกิน 100 คน หากพบผู้ติดเชื้อในซอยไหนจะกระจายได้น้อยกว่าการไม่แบ่งซอยย่อย อีกทั้ง ไม่ควรจัดงานลักษณะที่นำคนจากคนละจังหวัดมารวมกัน เพราะหากมีคนติดเชื้อในงานเพิ่มกระจายออกไปในจังหวัดต่างๆ แต่หากเป็นคนจากพื้นที่หรือจังหวัดเดียวกัน เท่ากับความเสี่ยงเท่าเดิม

สธ.ย้ำคอนเสิร์ต บิ๊กเม้าน์เท่น ความเสี่ยงสูงใส่แมสไม่ถึง50%

          กรณีการจัดคอนเสิร์ตบิ๊กเมาน์เท่น จากการประเมินพบว่าความเสี่ยงเพิ่มขึ้น จากภาพที่ปรากฏพบว่า ตอนเข้างานสวมหน้ากากอนามัยก็จริง แต่พอเข้าไปในงานแล้วพบว่าสวมหน้ากากอนามัยไม่ถึงร้อยละ 50 ซึ่งแม้เป็นการจัดงานกลางแจ้งที่เสี่ยงต่ำกว่าการจัดงานในห้องที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก แต่การที่คนจำนวนถึง 30,000 คนมาอยู่รวมกันเป็นการเพิ่มความเสี่ยง โดยเฉพาะอยู่รวมกันแบบแออัดในโซนหน้าเวที ไม่สวมหน้ากากอนามัยและตะโกนร้องเพลง โอกาสที่คนติดโควิด-19 หลุดเข้าไป 1 คน เข้าไปอยู่รวมกันโอกาสแพร่เชื้อไปให้คนอื่นก็จะมากขึ้น

          ก่อนจัดงานผู้จัดเสนอแผนที่มีมาตรการป้องกันโควิด-19 กับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพิจารณาแล้ว เมื่อถึงวันจัดงานจริงปฏิบัติตามได้ค่อนข้างดี แต่บริหารความเสี่ยงหน้างานทำได้ไม่ดี เช่น ผู้ร่วมงานไม่ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา หากมีคนติดเชื้อขึ้นมาจริง ปกติต้องติดตามผู้สัมผัสอีก 20 -40 คน แต่หากเป็นคอนเสิร์ตที่มีคนมาก ผู้ติดเชื้อ 1 คน ต้องติดตามคนสัมผัสประมาณ 100 คน

          นพ.โสภณ กล่าวว่า แม้ยังไม่พบผู้ติดโควิด-19 ไปร่วมงานนี้ แต่ในจำนวนผู้ไปร่วมงานที่สแกนไทยชนะ ให้เจ้าหน้าที่ส่ง SMS ให้คำแนะนำเพื่อเฝ้าระวังตัวเอง หากไม่มีอาการป่วยให้สังเกตอาการตัวเองจนครบ 14 วัน ถ้ามีอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส และท้องเสียให้รีบไปตรวจหาโควิด-19 ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน พร้อมโชว์SMSให้เจ้าหน้าที่ดูจะได้รับการตรวจหาเชื้อโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย