พบบุคลากรทางการแพทย์ ติดเชื้อเพิ่มเป็นคนที่ 7
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในวันนี้เพิ่มขึ้น 28 คน จะเห็นได้ว่าเป็นตัวเลขสองหลักมาหลายวัน ทางการใช้ระบบสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้
1.คนที่ 1-27 เป็นคนที่เดินทางมาจากต่างประเทศ
-คนที่ 20-25 เป็นคนไทยที่เดินทางเข้ามาจาก จ.ท่าขี้เหล็ก เมียนมา
รวมคนไทยที่เดินทางมาจาก จ.ท่าขี้เหล็ก ตอนนี้ 262 คน ขอให้คนไทยที่จะเดินทางเข้ามาติดต่อตามขั้นตอนให้ถูกต้องตามกฎหมาย
-คนที่ 26-27 เป็นคนที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้าสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ เป็นชายไทยมาจากจอร์แดน และเป็นหญิงไทย เดินทางมาจากโปแลนด์ มีประวัติเคยติดเชื้อมาแล้ว
2.คนที่ 28 เป็นการติดเชื้อภายในประเทศ ในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ เป็นกลุ่มเสี่ยงสูง และเป็นคนที่ 7 ในกลุ่มนี้ เป็นหญิงไทย อายุ 27 ปี
-วันที่ 9-11 ธ.ค.2563 เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่อยู่ในการกักกัน ทานข้าวกับผู้ป่วยคนที่ 4 และพักอาศัยอยู่กับผู้ป่วยคนที่ 6
-วันที่ 8 ธ.ค.2563 ผลการตรวจเป็นลบ
-วันที่ 12 ธ.ค.2563 ผลการตรวจเป็นบวก รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชน ในกรุงเทพฯ
ด้าน นพ.โสภณ เอี่ยมสิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยรายละเอียดผู้ติดเชื้อคนที่ 7 ว่าเป็นผู้ป่วยที่แยกออกมาและอยู่ในสถานที่กักตัวตั้งแต่ 8-12 ธ.ค.2563 และเป็นผู้ป่วยที่สามารถติดตามรายละเอียดได้ ยืนยันว่า ผู้ป่วยรายนี้ไม่มีความกังวล ความเสี่ยงจะอยู่ในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์เท่านั้น ประชาชนไม่มีความเสี่ยง และคนที่พักอยู่ในสถานที่เดียวกับผู้ป่วยหากสงสัยมีอาการป่วย เนื่องจากมีความใกล้ชิดและมีอาการทางเดินหายใจ ขอรับการตรวจได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน และขณะนี้กลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องได้รับการตรวจและติดตามให้ครบ 14 วัน
ส่วนผู้ป่วย 6 คนที่เดินทางมาจาก จ.ท่าขี้เหล็ก เมียนมา ขอยืนยันว่าประชาชนทั่วไปไม่มีความเสี่ยง เนื่องจาก เดินทางเข้ามาถูกต้องและเมื่อเดินทางมาแล้วเข้ามาอยู่ในสถานที่ จ.เชียงราย เตรียมไว้ให้ และพบการติดเชื้อภายในสถานที่กักกันและส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล
การจัดกิจกรรมทำได้ขอประชาชนร่วมมือทำตามมาตรการ
การจัดกิจกรรมคอนเสิร์ต งานแสดงดนตรี และการจัดงานในช่วงปีใหม่ นพ.ทวีศิลป์ ระบุว่า การจัดกิจกรรมต้องคำนึงถึงและให้ความสำคัญมากในการปฎิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขในรูปแบบ New Normal สามารถจัดได้ ภาครัฐและเอกชน ดำเนินการร่วมกันและเมื่อมาถึงหน้างานประชาชนจะต้องช่วยและปฎิบัติตามด้วย
เกาหลีใต้ สั่งปิดโรงเรียนในกรุงโซล หลังยอดโควิด-19 พุ่ง
ทางการเกาหลีใต้ สั่งปิดโรงเรียนทุกแห่งในกรุงโซล เมืองอินชอนและจังหวัดคย็องกี ระหว่างวันที่ 14 ธ.ค.2563 จนถึง 31 ธ.ค.2563 โดยตลอดช่วงเวลาดังกล่าวให้สถาบันการศึกษาทุกแห่งกลับไปจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ ซึ่งการใช้คำสั่งปิดโรงเรียนนี้ถือว่าเข้าใกล้มาตรการยกระดับทางสังคมระดับ 3 ที่จะเป็นการล็อกดาวน์เกาหลีใต้
เกาหลีใต้กำลังเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกที่สาม รัฐบาลยังไม่สามารถควบคุมยอดผู้ป่วยติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้น แม้ปัจจุบันกรุงโซลและพื้นที่ใกล้เคียงอยู่ภายใต้มาตรการควบคุมระดับ 2.5 ซึ่งเป็นขั้นรองสูงสุด
ด้านนายกรัฐมนตรีชุง เซ-คยุน ของเกาหลีใต้ กล่าวว่า รัฐบาลไม่ลังเลที่จะยกระดับมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมเป็นระดับ 3 หากมีความจำเป็นและผ่านความเห็นชอบจากกระทรวงที่เกี่ยวข้อง รัฐบาลท้องถิ่น และผู้เชี่ยวชาญ
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคเกาหลี ( เคซีดีซี ) รายงานสถิติโรคโควิด-19 ของเกาหลีใต้ในรอบ 24 ชั่วโมงว่าผู้ป่วยสะสมมีจำนวนอย่างน้อย 43,484 คน เพิ่มขึ้น 718 คน รักษาหายแล้ว 32,102 คน ผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 7 ราย จำนวนผู้เสียชีวิตสะสมจากโรคโควิด-19 ในเกาหลีใต้อย่างน้อย 587 คน คิดเป็นอัตราการเสียชีวิตร้อยละ 1.35
ตกลงกันได้แล้ว! นิวซีแลนด์-ออสเตรเลีย นักท่องเที่ยวเที่ยวได้ไม่ต้องกักตัว
นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์นของนิวซีแลนด์ เปิดเผยว่า นิวซีแลนด์และออสเตรเลีย บรรลุข้อตกลงเรื่องทราเวลบับเบิล(Travel Bubble) อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปมาระหว่างประเทศทั้งสองได้โดยไม่ต้องกักตัวเฝ้าระวัง 14 วัน เริ่มมีผลตั้งแต่ต้นปีหน้า เธอไม่ได้ระบุวันเวลาที่ชัดเจน แต่ทั้งสองประเทศจะประเมินสถานการณ์ด้วยว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศทั้งสองในช่วงต้นปีหน้ายังอยู่ในอัตราที่ต่ำเช่นในปัจจุบันหรือไม่
ก่อนหน้านี้ ออสเตรเลีย อนุญาตให้นักท่องเที่ยวจากนิวซีแลนด์เดินทางมาเที่ยวที่รัฐส่วนใหญ่ของออสเตรเลียโดยไม่ต้องถูกกักกันเฝ้าระวังมานับตั้งแต่เดือนต.ค.2563 แต่เป็นข้อตกลงฝ่ายเดียว คือ นิวซีแลนด์กำหนดให้นักท่องเที่ยวทุกคนที่กลับจากออสเตรเลียเข้ารับการกักกันเฝ้าระวัง 14 วัน แต่ในส่วนของออสเตรเลียในขณะนั้นยังไม่อนุญาตให้ประชาชนเดินทางมาที่นิวซีแลนด์ เว้นแต่มีเหตุจำเป็นและขออนุมัติเป็นรายๆไป
ทั้งสองประเทศ พบจำนวนผู้ป่วยอยู่ในระดับต่ำเมื่อช่วง 2-3 เดือนที่แล้ว แต่ออสเตรเลียยังพบการแพร่ระบาดในบางพื้นที่ของประเทศ โดยเฉพาะนิวซีแลนด์เป็นประเทศแรกของโลกที่ประกาศว่าไม่พบผู้ป่วยโควิด-19 เมื่อเดือนมิ.ย.2563 หลังใช้วิธีการปิดชายแดนและล็อกดาวน์อย่างเข้มข้น นับแต่นั้นมา นิวซีแลนด์พบผู้ป่วยรายใหม่เพียงไม่กี่คน ปัจจุบันนิวซีแลนด์มีผู้ป่วยสะสม 2,096 คน เสียชีวิต 25 ราย ขณะที่ ออสเตรเลีย มีผู้ป่วยสะสม 28,036 คน เสียชีวิต 908 ราย
วัคซีนโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ ล็อตแรกส่งถึงแคนาดาแล้ว เริ่มฉีดให้ปชช.บางส่วน
นายจัสติน ทรูโด นายกฯแคนาดา เปิดเผยว่า วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ล็อตแรกของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ และไบโอเอ็นเทค ได้ส่งมาถึงแคนาดาแล้วเมื่อวันอาทิตย์ และในวันนี้จะเริ่มฉีดให้กับชาวแคนาดาบางส่วน นายทรูโด ทวีตข้อความเหนือภาพของเครื่องบินที่ใช้ขนส่งวัคซีนที่ทั้งสองบริษัทพัฒนาร่วมกัน
วัคซีนล็อตแรกจำนวน 30,000 โดส จะกระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ 14 แห่งของแคนาดา โดยจะฉีดให้กับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสที่สุดก่อน เช่น ผู้สูงอายุในบ้านพักคนชรา และบุคลากรทางด้านสาธารณสุข
การขนส่งวัคซีนเริ่มจากเบลเยียมซึ่งเป็นสถานที่ที่ผลิตวัคซีนเมื่อวันศุกร์ 11 ธ.ค.2563 และเดินทางถึงเยอรมนีและสหรัฐฯก่อนจะแยกกันและส่งไปยังจุดฉีดวัคซีนในแคนาดา
ส่วนในสหรัฐฯ นายโรเบิร์ต เรดฟิลด์ ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (CDC) ลงนามอนุมัติให้มีการฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์และบริษัทไบโอเอ็นเทคให้กับชาวอเมริกันอย่างเป็นทางการ นายเรดฟิลด์ กล่าวว่า ในขั้นต้นนั้น การฉีดวัคซีนจะเริ่มดำเนินการในวันนี้
การลงนามของผู้อำนวยการ CDC มีขึ้น หลังจากเมื่อวันศุกร์ สำนักงานอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐฯได้อนุมัติให้มีการใช้วัคซีนต้านโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์และบริษัทไบโอเอ็นเทคในกรณีฉุกเฉิน โดยการอนุมัติของ FDA จะทำให้รัฐบาลกลางสหรัฐฯสามารถเริ่มแจกจ่ายวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ให้กับรัฐ, ดินแดน และเมืองใหญ่ทั่วประเทศรวม 64 แห่ง