สหรัฐฯเตรียมฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิดแรกในเช้าวันจันทร์นี้ (14 ธ.ค.) หลังจากที่สำนักงานอาหารและยาของสหรัฐฯหรือเอฟดีเอ อนุญาตให้ใช้วัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค ในกรณีฉุกเฉินเพื่อยับยั้งโรคระบาดที่ทำให้มีชาวอเมริกันเสียชีวิตไปแล้วเกือบ 300,000 ราย และเริ่มมีปฏิบัติการขนส่งครั้งใหญ่ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (12 ธ.ค.) เพื่อกระจายวัคซีนประมาณ 3,000,000 โดส โดยทางการของแต่ละรัฐจะเป็นผู้พิจารณาว่าจะฉีดวัคซีนให้แก่กลุ่มใดก่อน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นบุคลากรแนวหน้าด้านสาธารณสุขและผู้อยู่อาศัยในบ้านพักคนชรา
โดยการจัดส่งในลำดับแรกคือการจัดส่งด้วยรถบรรทุกจากโรงงานของไฟเซอร์ในกาลามาซู รัฐมิชิแกน จากนั้นจะแยกจัดส่งทางรถบรรทุกและเครื่องบินไปยังรัฐต่างๆ โดยมีความท้าทายสำคัญคือการที่วัคซีนต้องจัดเก็บและจัดส่งในอุณหภูมิที่ต่ำมากคือ ลบ70 องศาเซลเซียส ไฟเซอร์จึงต้องพัฒนาตู้คอนเทนเนอร์สำหรับการขนส่งที่ใช้น้ำแข็งแห้งและเซ็นเซอร์ที่รองรับจีพีเอสเพื่อช่วยให้บริษัทสามารถติดตามการขนส่งได้
ส่วนสถานที่ที่จะมีการฉีดวัคซีน ส่วนใหญ่จะอยู่ที่โรงพยาบาลขนาดใหญ่เนื่องจากต้องรองรับผู้รับวัคซีนที่มีจำนวนมาก และจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่สามารถรองรับการใช้งานห้องเย็นพิเศษได้
เอฟดีเอ ระบุว่า วัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทคมีประสิทธิภาพในการป้องกันโควิด-19 โดยไม่มีปัญหาด้านความปลอดภัย หน่วยงานมีการทำงานตรวจสอบเป็นเวลาหลายเดือนเพื่อสร้างความมั่นใจต่อประชาชน และความเป็นอิสระในการตรวจสอบ
แต่ในเวลาเดียวกันฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พยายามกดดันให้หน่วยงานเร่งรับรองวัคซีนก่อนที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะพ้นจากตำแหน่งในเดือนมกราคมปีหน้า ถึงขั้นที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบขาวขู่ว่าจะปลดผู้อำนวยการเอฟดีเอ หากยังไม่รับรองวัคซีนก่อนวันเสาร์ และทำให้ในการที่เอฟดีเอประกาศอนุญาตให้ใช้วัคซีนของไฟเซอร์ในกรณีฉุกเฉิน เอฟดีเอจึงต้องมีการชี้แจงเพิ่มเติมด้วยว่า เป็นการอนุมัติโดยพิจารณาจากหลักการทางวิทยาศาสตร์และความเร่งด่วนของสถานการณ์โรคระบาด ไม่ใช่เพราะแรงกดดันจากภายนอก และจะมีการติดตามอาการของผู้รับวัคซีนอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ในสัปดาห์หน้า เอฟดีเอจะตรวจสอบประสิทธิภาพวัคซีนของโมเดอร์นา และ สถาบันสุขภาพแห่งชาติเพื่ออนุมัติต่อไป
....