อินเดียเตรียมพร้อมในการแจกจ่ายและฉีดวัคซีนโควิด-19 จำนวน 600 ล้านโดสให้กับกลุ่มบุคคลที่มีความเปราะบางที่สุดในระยะเวลา 6 ถึง 8 เดือนข้างหน้า โดยจะใช้การรักษาคุณภาพด้วยระบบรักษาความเย็นแบบปกติ คือระหว่าง 2 ถึง 8 องศาเซลเซียส
นายวีเค พอล หัวหน้ากลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารวัคซีนโควิด-19 ผู้ให้คำแนะนำแก่นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี อธิบายว่า กลุ่มเปราะบางที่จะได้รับวัคซีนในลำดับแรกจำนวน 2 เข็มคือ กลุ่มบุคคลที่มีอายุมากกว่า 50 ปีจำนวน 260 ล้านคน ร่วมด้วยผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 50 ปีซึ่งป่วยด้วยโรคร้ายแรงจำนวนประมาณ 10 ล้านคน และกลุ่มผู้ที่ทำงานแนวหน้า 30 ล้านคนซึ่งมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ การเตรียมการเหล่านี้เป็นไปตามข้อกำหนดของผู้พัฒนาวัคซีน 4 รายที่ยื่นคำร้องขออนุญาตแจกจ่ายวัคซีนในอินเดีย คือ สถาบันเซรุ่มแห่งชาติ (Serum Institute of India), ภารัต ไบโอเทค (Bharat Biotech), ซีดัส คาดิลา (Zydus Cadila) และเฮเตโร (Hetero) ซึ่งทั้งหมดใช้ความเย็นปกติในการเก็บรักษาวัคซีน
ในเวลานี้ สถาบันเซรุ่มซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ที่สุดของโลกกำลังผลิตและกักตุนวัคซีนโควิชิลด์ (Covishield) ของแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) ไว้จำนวนมาก ในขณะที่ผู้พัฒนาของอินเดีย 2 แห่งคือภารัตและซีดัสต่างมีความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนของตนเอง
และเมื่อเดือนที่แล้วเฮเตโร (Hetero) ผู้พัฒนายาชาวอินเดียได้ลงนามข้อตกลงกับกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ (RDIF) ของรัสเซียเพื่อผลิตวัคซีนสปุคนิคไฟว์ (Sputnik V) ของรัสเซียจำนวนปีละมากกว่า 100 ล้านโดสในอินเดีย
คาดว่ารัฐบาลอินเดียจะอนุมัติให้ใช้วัคซีนในกรณีฉุกเฉินในเร็วๆนี้ แต่ยังไม่มีการเจรจาอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการกำหนดราคา โดยในปัจจุบันหน่วยงานกำกับดูแลของอินเดียกำลังพิจารณาวัคซีน 3 ชนิดสำหรับการอนุญาตให้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน ได้แก่วัคซีนของไฟเซอร์ (Pfizer), แอสตราเซเนกา และ ภารัตไบโอเทค แต่วัคซีนของไฟเซอร์มีข้อกำหนดให้จัดเก็บที่อุณหภูมิลบ 70 องศาเซลเซียสหรือต่ำกว่านั้น ทำให้การใช้งานในอินเดียมีอุปสรรค จึงอาจต้องสร้างห้องเย็นพิเศษหรือเจรจากับผู้ประกอบการที่มีห้องเย็นพิเศษ
นายพอลกล่าวด้วยว่าการพิจารณาอนุญาตการใช้งานในกรณีฉุกเฉินมีข้อกำหนดพื้นฐานคือวัคซีนนั้นจะต้องมีการทดสอบทางคลินิกในอาสาสมัครชาวอินเดีย ซึ่งมีผู้ป่วยโควิด-19 ยืนยันสะสมมากเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา
....