บริษัทแอสตราเซเนกา ผู้วิจัยวัคซีนของอังกฤษ เปิดเผยว่าทีมวิจัยของบริษัทแอสตราเซเนกา ซึ่งวิจัยวัคซีนกับมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด จะเริ่มระดมอาสาสมัครอายุ 18 ปีขึ้นไปเข้ารับการทดลองในโครงการวัคซีนผสมระหว่างวัคซีนของบริษัทแอสตราเซเนกา กับวัคซีนโควิด-19 สปุตนิก 5 ของรัสเซีย ซึ่งผลิตโดยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ด้านระบาดวิทยาและจุลชีววิทยากามาเลยา สถาบันทางการแพทย์ที่ตั้งอยู่ใกล้กรุงมอสโก ระบุว่าการทดลองจะมีขึ้นในรัสเซีย แต่บริษัทไม่ได้ระบุให้ชัดเจนว่าการทดลองจะเริ่มขึ้นเมื่อใด หรือใช้อาสาสมัครกี่คน
สำหรับวัตถุประสงค์ของการทดลองผสมวัคซีนทั้งสองตัวคือ เพื่อดูว่าจะมีผลเรื่องการสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายเพิ่มขึ้น และมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคโควิด-19 สูงขึ้นหรือไม่ โดยบริษัทแอสตราเซเนการะบุในแถลงการณ์ว่าความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์กับสถาบันกามาเลยาของรัสเซียมีความสำคัญต่อการตรวจสอบว่าการผสมผสานวัคซีนทั้งสองตัวจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันโรคโควิด-19 ให้สูงกว่าเดิมหรือไม่ ก่อนหน้านี้ แอสตราเซเนกา เผยผลทดลองเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ระบุว่าวัคซีนของบริษัทฯมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคเฉลี่ยร้อยละ 70
ด้านบริษัทแกล็กโซสมิธไคลน์ บริษัทยาของอังกฤษ ซึ่งวิจัยวัคซีนร่วมกับบริษัทซาโนฟีของฝรั่งเศส เปิดเผยว่าการวิจัยวัคซีนของพวกเขาจะยังไม่เสร็จจนกว่าจะถึงปลายปีหน้า หลังผลวิจัยในเบื้องต้นพบว่า มีสร้างภูมิต้านทานโรคในกลุ่มประชากรอายุ 18-49 ปีอยู่ในระดับที่ดี แต่พบว่าไม่มีประสิทธิภาพในการสร้างภูมิคุ้มกันโรคเท่าที่ควรสำหรับกลุ่มผู้สูงอายุ เพิ่มเติมว่าบริษัทฯจะเริ่มทำการทดลองในเฟสที่ 2 ใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์นี้จากเดิมที่คาดว่าจะทดลองเฟสที่ 3 ในเดือนนี้ ตามกำหนดใหม่ บริษัทฯจะทดลองวัคซีนในเฟสที่ 3 ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีหน้า คาดว่าทีมวิจัยจะพัฒนาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคให้เสร็จปลายปีหน้า
ในปัจจุบัน มีผู้ป่วยสะสม 70,853,963 คนทั่วโลก มีผู้เสียชีวิต 1,591,348 ราย ศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คือ สหรัฐฯ อินเดีย บราซิล รัสเซียและฝรั่งเศส
Cr: BBC, CNN, Marketwatch