สถานการณ์ผู้ป่วยโควิด-19 ที่มาจาก จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้สามารถควบคุมได้ จากการตรวจผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ และการคัดกรองเชิงรุกในพื้นที่รวมกว่า 7,000 คน ผลเป็นลบ มีการติดเชื้อเพียง 2 คนอยู่ในการดูแลรักษาแล้ว และผู้ติดเชื้อที่เคยพบใน 7 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ กทม. พะเยา พิจิตร ราชบุรี และสิงห์บุรี ได้ระดมความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ เข้าควบคุมและติดตามผู้สัมผัสได้รวดเร็ว ส่งผลให้ไม่มีการระบาดเป็นวงกว้าง ถือว่ามีความปลอดภัยเท่ากับจังหวัดอื่น
ดังนั้น ขอความร่วมมือภาคเอกชนทำความเข้าใจตรงกันว่า ผู้ที่เดินทางกลับมาจากจังหวัดเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องกักตัว ส่วนกรณีชายไทยลักลอบเดินทางเข้าประเทศทาง อ.แม่สอด จ.ตาก เดินทางโดยรถตู้สายแม่สอด-มุกดาหาร ไป จ.นครพนม และอาสาสมัครหมู่บ้านหรือ อสม.เป็นผู้พบความผิดปกติ ทำให้ควบคุมบุคคลนี้ได้ เมื่อตรวจหาเชื้อผลเป็นลบ ไม่มีการติดเชื้อตามที่เป็นข่าว และติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดแล้ว
อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จในการควบคุมโรค และติดตามผู้สัมผัส เกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนและประชาชน เมื่อเราร่วมมือกันเช่นนี้ ประเทศจะปลอดภัย ประชาชนสามารถไปพักผ่อนท่องเที่ยวได้
ส่วนกรณีบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อโควิด-19 นายแพทย์โอภาส กล่าวว่า ในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม พบการติดเชื้อจำนวน 108 คน แต่เมื่อรู้จักโรคนี้ดีขึ้น ทำให้ช่วงหลังจากเดือนพฤษภาคมเป็นต้นมาไม่พบบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้ออีกเลย กระทั่งมี 1 คนที่ติดเชื้อจากการปฏิบัติหน้าที่ในสถานกักกันโรคแห่งรัฐทางเลือก (ASQ) และนำไปติดเพื่อนที่เป็นบุคลากรด้วยกัน ซึ่งไม่ได้ติดจากการทำงาน เป็นการติดจากการใช้ชีวิตประจำวันร่วมกัน จึงต้องเคร่งครัดมาตรการใส่เครื่องป้องกัน ซักซ้อมการถอดใส่อุปกรณ์ตามมาตรฐานมากขึ้น ยังไม่ถึงขั้นต้องให้บุคลากรทางการแพทย์ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลโดยไม่ออกมาภายนอก ขณะนี้ควรให้กำลังใจในการทำงาน
ด้าน นายแพทย์จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และแผนงาน กรมควบคุมโรค กล่าวว่าบุคลากรทางการแพทย์ที่ติดเชื้อโควิด-19 ขณะนี้มีเพียง 6 คน โดยผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในโรงพยาบาลเอกชน 31 คนตรวจหาเชื้อครั้งแรกวันที่ 5 ธันวาคม ผลเป็นลบ ตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 ผลเป็นลบ 30 คน ติดเชื้อ 1 คน คือผู้ป่วยคนที่ 6 โดยจะมีการตรวจเชื้อครั้งที่ 3 ต่อไป ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในหอพัก ห้องสัมภาษณ์งานโรงพยาบาลรัฐ และสมาชิกครอบครัว ให้ผลเป็นลบทั้งหมด ได้เก็บตัวอย่างแล้ว คาดว่าผลจะออกในวันที่ 12-13 ธันวาคม
ขณะที่ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 888 คนผลเป็นลบ ส่วนกรณีผู้ป่วยคนแรกที่มีการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า MRT และ BTS ช่วงเวลาสั้นๆ 10-15 นาที มีการสวมหน้ากากตลอดเวลา และไม่มีการพูดคุย ถือว่ามีความเสี่ยงต่ำ ดังนั้น การใส่หน้ากากขณะโดยสารรถขนส่งสาธารณะต่างๆ จะช่วยป้องกันตัวเองและลดความเสี่ยงลงได้
สำหรับช่วงวันหยุดยาว การจัดงานรื่นเริงต่างๆ สามารถจัดได้ เนื่องจากไม่มีพื้นที่จังหวัดไหนที่มีการแพร่ระบาด เน้นขอความร่วมมือผู้จัดงานปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค มีจุดคัดกรองวัดไข้ ลงทะเบียนไทยชนะ จัดอุปกรณ์ป้องกัน เช่น หน้ากาก เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ มีการแยกกิจกรรมเพื่อไม่ให้เกิดการปะปนมากเกินไป ส่วนบริเวณที่มีความเสี่ยงติดเชื้อ เช่น ห้องน้ำ ต้องทำความสะอาดบ่อยๆ บริเวณขายอาหารและเครื่องดื่ม ผู้ค้าจะต้องสวมหน้ากากตลอดเวลาและเว้นระยะห่าง หรือบริเวณหน้าเวทีระวังอย่าให้ใกล้ชิดจนแออัด สำหรับผู้เข้าร่วมงานต้องสวมหน้ากากตลอดเวลา ยกเว้นช่วงรับประทาน ล้างมือ ลงทะเบียนไทยชนะ
เมื่อกลับจากการท่องเที่ยวแล้วมีอาการไม่สบาย เป็นไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส ขอให้ไปสถานพยาบาลและแจ้งประวัติ นอกจากนี้ ยังมีการตรวจตราร้านค้า ผู้ประกอบการต่างๆ ให้ปฏิบัติตามมาตรการด้วย หากไม่ปฏิบัติตามจะแจ้งเตือน หากไม่ปรับปรุงจะปิดสถานที่ และขอให้ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา หากปฏิบัติเช่นนี้จะทำให้มีกิจกรรมช่วงเทศกาลอย่างมีความสุขทุกคน