ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม 2563

11 ธันวาคม 2563, 08:50น.


เอกชน เสนอ ททท.ออกแคมเปญแรง ฟื้นเชื่อมั่นเที่ยวภาคเหนือ



          ช่วงวันหยุดยาว 10-13 ธ.ค.2563 ที่เป็นช่วงไฮซีซั่น อากาศเย็น แต่ปีนี้มีสถานการณ์โควิด-19 ทำให้นักท่องเที่ยวยกเลิกการจองห้องพัก นางละเอียด บุ้งศรีทอง นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ (ตอนบน) สรุปสถานการณ์ว่า จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย มีการจองเข้าพักในช่วงหยุดยาวนี้เหลือร้อยละ 50-60 โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัว กลุ่มผู้สูงวัย และกลุ่มองค์กรเดินทางเป็นหมู่คณะที่ขอชะลอการเดินทางจนกว่าจะมั่นใจในสถานการณ์



          สมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ (ตอนบน) หารือกับ นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ว่านอกเหนือจากการสร้างความเชื่อมั่นด้านมาตรฐานสุขอนามัย ท่องเที่ยว แบบการ์ดไม่ตกแล้ว ต้องการให้ ททท.ช่วยส่งเสริมการตลาด ด้วยการออกแคมเปญแรง ระยะสั้นช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายก่อนสิ้นปี หนุนอัตราเข้าพักดีขึ้นให้กลับมาอยู่ที่ร้อยละ 70-80



นักท่องเที่ยว ปรับแผนเดินทาง กระจุกตัวในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม

          นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า  กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีความอ่อนไหวต่อข่าว เช่น นักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัว กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มประชุมสัมมนา เริ่มทยอยยกเลิกการจองห้องพัก ยกเลิกการจัดงานสัมมนา และอีเวนท์ต่างๆ ในพื้นที่ และนักท่องเที่ยวบางส่วน อาจมีการปรับเปลี่ยนแผนการเดินทาง ในช่วงวันหยุดด้วยการเดินทางระยะใกล้ และชะลอการเดินทางระยะไกลไปในช่วงเทศกาลปีใหม่แทน



          สำหรับแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในวันหยุดยาวนี้ ส่วนใหญ่ยังกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่หลัก ได้แก่ ชลบุรี กรุงเทพฯ กาญจนบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น พระนครศรีอยุธยา เชียงใหม่ ระยอง ประจวบคีรีขันธ์ เหมือนเช่นวันหยุดยาวเดือน พ.ย.2563 ขณะที่เมืองรองอย่าง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลายทั้งอุทยานแห่งชาติ เขื่อน ศาสนสถาน ตลาดร้อยปี และอื่นๆ เหมาะกับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม เริ่มเข้ามาติด 1 ใน 10 จังหวัดยอดนิยมในช่วงวันหยุดนี้ แทนที่ จ.นครศรีธรรมราช ที่ประสบปัญหาน้ำท่วม ไม่เอื้อให้มีการเดินทาง นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวนิยมไปเที่ยวเมืองรองมากขึ้น จ.แพร่  จ.น่าน ยังเป็นจังหวัดที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปเยือนด้วย



          นอกจากนี้  อุทยานแห่งชาติ เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติในอันดับต้นๆ ที่คนไทยมักนิยมไปท่องเที่ยวโดยเฉพาะในช่วงวันหยุดยาว จากข้อมูลการเข้าชมอุทยานแห่งชาติและวนอุทยานแห่งชาติในช่วงวันหยุดพิเศษเดือน พ.ย.2563 พบว่ามีคนไทยเข้าชมอุทยานแห่งชาติและวนอุทยานแห่งชาติมากกว่า 400,000 คน มากกว่าช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ประมาณ 2.4 เท่า



           อุทยานแห่งชาติที่คนไทยนิยมไปมากที่สุด ส่วนใหญ่มักเป็นภูเขาและน้ำตก ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวน้อยกว่าอุทยานแห่งชาติทางทะเล



อันดับ 1 คือเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา จำนวน 43,500 คน



อันดับ 2 ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ 40,200 คน



อันดับ 3 เขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด จ.ระยอง 18,200 คน



อันดับ 4 ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย 16,800 คน



อันดับ 5 ภูชี้ฟ้า จ.เชียงราย 13,700 คน



แฟ้มภาพ ข่าวสารท่องเที่ยว ททท.



รมว.ท่องเที่ยว ย้ำถ้านักท่องเที่ยวไม่กักตัว STV เข้ามาเที่ยวไม่ได้



          นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยกรณีที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติผ่อนปรนให้ชาวต่างชาติเข้ามาพำนักในประเทศไทย ผ่านวีซ่าประเภทพิเศษ (STV) ที่ต้องการมาพำนักระยะยาว (ลองสเตย์)โดยไม่จำกัดประเทศ จากเดิมที่ให้เฉพาะนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ รวมถึงขยายระยะเวลาขอรับการตรวจลงตราวีซ่าSTV ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมืองให้แก่คนต่างด้าวที่มากับเรือสำราญและกีฬา (เรือยอร์ช) ออกไปอีก 30 วัน นับจากวันที่ประกาศบังคับใช้ เป็นเงื่อนไขที่ดีในการดึงต่างชาติเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงเดือนนี้ ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นและฤดูหนาว ที่ปกติจะมีต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวจำนวนมาก จึงมองว่าเป็นปัจจัยสนับสนุนที่ดี แต่ขอย้ำว่าต่างชาติที่เข้ามาจะต้องกักตัว 14 วัน หากไม่ยินยอมให้กักตัวก็ไม่สามารถให้เข้ามาท่องเที่ยวในไทยได้



         ด้านนายสุรวัช อัครวรมาส อุปนายกสมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า มติ ครม.เกี่ยวกับการผ่อนปรนดังกล่าวถือว่ายังไม่เป็นการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวแบบเต็มร้อย เพราะต้องมีการขอเดินทางเข้าประเทศผ่านวีซ่าพิเศษSTV ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่เดินทางเข้ามาคือนักธุรกิจ หรือผู้ที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย ซึ่งเข้าพักอยู่ในประเภทระยะยาว ส่วนการเปิดรับนักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ เพิ่มเติม หากเปิดรับเสรีเกินไป เช่น ประเทศที่มีความเสี่ยงสูง อาจจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย ทำให้นักท่องเที่ยวบางประเทศหรือบางกลุ่ม มองว่าประเทศไทยลดมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ลงและเลือกที่จะไม่เดินทางมาไทยก็ได้



หอการค้าไทย คาดปีใหม่ เงินสะพัด 1.4 แสนล้าน



          นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ กล่าวถึง การจับจ่ายใช้สอยของประชาชนในช่วงปีใหม่ว่าจะมีเงินสะพัดอยู่ที่ 130,000-150,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อนอยู่ที่ 140,000 ล้านบาท กรอบการขยายตัวเป็นผลมาจากคนไทยเที่ยวในประเทศมากขึ้น เพราะออกไปท่องเที่ยวต่างประเทศไม่ได้ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่น โครงการคนละครึ่ง โครงการช้อปดีมีคืน โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การแพร่ระบาด โควิด-19 อาจทำให้เกิดการชะลอจับจ่ายใช้สอยของประชาชนได้



 

ข่าวทั้งหมด

X