แผ่นดินไหวขนาด 6.7 เขย่าไต้หวัน รับรู้แรงสั่นสะเทือนทั่วเกาะ
ไต้หวัน กำลังตรวจสอบความเสียหายจากเหตุแผ่นดินใต้ทะเลไหวขนาดรุนแรง 6.7 นอกชายฝั่งเมืองอี้หลาน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะไต้หวัน ในระดับความลึก 74 กิโลเมตร เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ 10ธ.ค.2563 เวลา 21.19 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 20.19 น.ตามเวลาในประเทศไทย เนื่องจากเกิดแรงสั่นสะเทือนประมาณ 30 – 40 วินาที รับรู้ได้ทั่วเกาะไต้หวัน ประชาชนจำนวนมากที่อยู่บนอาคารสูง ในกรุงไทเป ต่างรีบหนีลงด้านล่าง เนื่องจาก อาคารสั่นไหวรุนแรง และประชาชนในอีกหลายเมืองทั่วเกาะไต้หวัน รับรู้แรงสั่นไหวเช่นกัน
บริษัทไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟคเจอริง คอมพานี (TSMC) ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของโลก เปิดเผยว่า ในช่วงเกิดเหตุมีการอพยพคนงานบางส่วนที่โรงงานในตอนเหนือของไต้หวัน
ด้านมณฑลอี๋หลาน รายงานว่า สายไฟฟ้าเสียหาย
ในเมืองซินจู๋ มีรายงานว่าอิฐและแท่งเหล็กหล่นลงมาจากอาคารร้างแห่งหนึ่ง ทำให้รถยนต์ 6 คันและสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า 1 คันที่จอดในบริเวณใกล้เคียงได้รับความเสียหาย
กระทรวงคมนาคมของไต้หวัน รายงานว่า การให้บริการรถไฟความเร็วสูงระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ของไต้หวัน หยุดวิ่งเป็นเวลาสั้นๆ ก่อนกลับมาให้บริการตามปกติ
ขณะที่รถไฟและรถไฟใต้ดินในบางพื้นที่ หยุดให้บริการชั่วคราว หรือลดความเร็วลง และจะกลับมาให้บริการตามปกติหลังจากที่มีตรวจสอบรางและสายเคเบิลไฟฟ้าจนเป็นที่แน่ใจแล้ว
นายเฉิน ก๊วะ-จาง ผู้อำนวยการศูนย์แผ่นดินไหว ในสังกัดสำนักงานอุตุนิยมวิทยากลางไต้หวัน เปิดเผยว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้ รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี ก่อนหน้านี้ มีฝนตกหนักในเมืองอี้หลานและเมืองใหม่ไทเป ทำให้เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยต้องเฝ้าระวัง ดินโคลนภูเขาถล่มในพื้นที่นี้เป็นพิเศษ
ด้านรองประธานาธิบดีวิลเลียม ไล้ เขียนข้อความบนเฟซบุ๊ก เรียกร้องประชาชนอย่าตื่นตระหนก รัฐบาลกำลังจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ไต้หวัน เกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง เนื่องจากที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ อยู่ใกล้รอยต่อกันของ 2 แผ่นเปลือกโลก เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 2542 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.6 ที่เมืองจีจี้ มณฑลหนานโถว ทางภาคกลาง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2,415 ราย บาดเจ็บ 11,305 คน นับเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติ ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด ในประวัติศาสตร์ของเกาะ
แอลเบเนีย ประท้วงตำรวจไม่พอใจยิงชายวัย 25 ปี จนเสียชีวิต
ชาวแอลเบเนียหลายร้อยคน ออกมาชุมนุมที่กรุงติรานา เนื่องจาก ไม่พอใจที่ตำรวจยิงนายโคลเดียน ราชา ชายวัย 25 ปี ทำให้เสียชีวิต ตำรวจต้องยิงแก๊สน้ำตาสลายกลุ่มผู้ชุมนุม รายงานระบุว่า สาเหตุที่ตำรวจยิงชายวัย 25 ปี เนื่องจาก ในมือมีวัตถุต้องสงสัย และมีพฤติกรรมฝ่าฝืนมาตรการเคอร์ฟิว ที่รัฐบาล ประกาศบังคับใช้เพื่อลดการแพร่ระบาดของโควิด-19 เมื่อชายคนดังกล่าว ไม่ทำตามคำสั่งของตำรวจๆจึงก่อเหตุยิง แต่เหตุการณ์บานปลาย เพราะมีการตรวจสอบแล้วพบว่า สิ่งของต้องสงสัยไม่ใช่อาวุธ ผู้ชุมนุมเห็นว่า ตำรวจทำเกินกว่าเหตุจึงออกมาประท้วงเรียกร้องให้รัฐมนตรีมหาดไทยแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก และขว้างปาสิ่งของเข้าใส่อาคารกระทรวงมหาดไทย พร้อมจุดไฟเผาต้นคริสต์มาส มีตำรวจบาดเจ็บ 8 คน สำหรับตำรวจคนที่ก่อเหตุถูกควบคุมตัวและดำเนินการสืบสวนความผิดและถูกนำตัวขึ้นศาลเมื่อวานนี้
ออสเตรเลีย เล็งตลาดไทย-เวียดนาม ส่งออกฝ้าย หลังถูกจีนตอบโต้
ความสัมพันธ์ระหว่างออสเตรเลียกับจีน เข้าสู่ภาวะถดถอยตั้งแต่ปี 2561 เมื่อออสเตรเลียเป็นประเทศแรกในโลกที่สั่งห้ามบริษัทหัวเว่ยของจีนให้บริการเครือข่าย 5G และยิ่งทวีความตึงเครียดมากยิ่งขึ้นหลังจากออสเตรเลียเรียกร้องให้มีการสอบสวนเพื่อหาต้นเหตุการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 จนมาถึงเรื่องการใช้มาตรการทางภาษีตอบโต้ซึ่งกันและกัน โดยจีน สั่งห้ามโรงงานนำเข้าฝ้ายจากออสเตรเลีย ซึ่งมีมูลค่าราว 900 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือราว 20,260 ล้านบาทและเรียกเก็บค่าธรรมเนียมตอบโต้เป็นการชั่วคราวกับไวน์นำเข้าที่ได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาลออสเตรเลีย
สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ ออสเตรเลีย มองหาตลาดใหม่ที่จะส่งออกฝ้าย เช่น ตลาดของไทย เวียดนาม และประเทศอื่นๆ ในทวีปเอเชียแทนจีน
นอกจากนี้ ฝนที่ตกหนักตามแนวชายฝั่งตะวันออกของออสเตรเลียตั้งแต่เดือนต.ค.2563 ทำให้ออสเตรเลีย ผลิตฝ้ายได้สูงถึง 506,000 ตัน ซึ่งถือเป็นจำนวนสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2561 และทำให้ผู้ส่งออกฝ้ายของออสเตรเลียต้องหาตลาดทางเลือกใหม่นอกเหนือไปจากจีน
ผู้ป่วยรายใหม่ในเมียนมายังพุ่ง วันเดียวเจอกว่า 1,000คน
สถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในเมียนมา ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังเพิ่มสูงขึ้น กระทรวงสาธารณสุขและกีฬาของเมียนมา รายงานว่า เมื่อวานนี้ 10 ธ.ค.2563 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,321 คน ทำให้ยอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสม 104,487 คน มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 27 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 2,201 ราย จำนวนผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 82,813 คน และจนถึงปัจจุบันทางการได้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 กับประชาชนไปทั้งหมด 1,374,159 คน
ญี่ปุ่น เตรียมซื้อตู้แช่แข็งอุณหภูมิติดลบ 10,500 ตู้ เก็บวัคซีนโควิด-19
กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่น เตรียมซื้อตู้แช่แข็งอุณหภูมิติดลบ 10,500 ตู้ และน้ำแข็งแห้งจำนวนมากเพื่อใช้ในการเก็บรักษาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แถลงการณ์ของกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นระบุว่า บริษัทไฟเซอร์ อิงค์ และบริษัทโมเดอร์นา บริษัทยาของสหรัฐฯ และทาเคดา ฟาร์มาซูติคอล บริษัทเภสัชภัณฑ์ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น วางแผนร่วมกันเรื่องสร้างเครือข่ายเพื่อเก็บรักษาวัคซีนในอุณหภูมิที่เหมาะสมในระหว่างการจัดส่งวัคซีนไปยังสถานที่ต่าง ๆ
ญี่ปุ่น ทำข้อตกลงซื้อวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จำนวน 290 ล้านโดสจากบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ บริษัทแอสตราเซเนกา และบริษัทโมเดอร์นา ซึ่งเป็นจำนวนที่เพียงพอสำหรับชาวญี่ปุ่น 145 ล้านคนที่ต้องได้รับวัคซีนคนละ 2 โดส
การเก็บรักษาวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ และบริษัทโมเดอร์นา ทำให้เกิดปัญหาด้านโลจิสติกส์ เนื่องจาก วัคซีนของทั้งสองบริษัทต้องได้รับการเก็บรักษาที่อุณหภูมิติดลบ 75 องศาเซลเซียสและติดลบ 20 องศาเซลเซียส
ญี่ปุ่นมีผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 165,000 คน และผู้เสียชีวิตกว่า 2,400 ราย กรุงโตเกียวเป็นพื้นที่ที่ระบาดหนักที่สุด เมื่อวานนี้ รายงานพบผู้ป่วยรายใหม่ 352 คน
โมเดอร์นา เริ่มวิจัยวัคซีนโควิด-19 ในกลุ่มเด็กวัยรุ่น
บริษัทโมเดอร์นา เริ่มฉีดวัคซีนให้เด็กวัยรุ่นกลุ่มแรกที่เข้าร่วมการทดลองวัคซีนต้านโควิด-19 ในการวิจัยระยะที่ 2/3 สำหรับใช้ในเด็กวัยรุ่นอายุตั้งแต่ 12 ปี และไม่เกิน 18 ปี โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ได้ข้อมูลจากกลุ่มเด็กวัยรุ่นในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า ซึ่งจะสนับสนุนการฉีดวัคซีน mRNA-1273 ให้กับเด็กนักเรียนก่อนเปิดปีการศึกษา 2564 เด็กๆ จะสามารถกลับไปโรงเรียนได้ตามปกติ
ขณะที่ สหรัฐฯ เตรียมที่จะเริ่มฉีดวัคซีนโควิด-19 จากทั้งบริษัทโมเดอร์นา และบริษัทไฟเซอร์ อิงค์และไบโอเอ็นเทค ให้กับผู้ใหญ่ หากได้รับไฟเขียวจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(FDA)