ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.วันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม 2563

10 ธันวาคม 2563, 09:05น.


กทม.พบแรงงานเมียนมาผิดกฎหมาย 6 คน เขตป้อมปราบฯ



          กรุงเทพมหานคร(กทม.) ลงพื้นที่ตรวจสถานประกอบการ 4 ประเภท ประกอบด้วย สนามมวย ผับ บาร์ และคาราโอเกะ ในพื้นที่ให้ครบทุกแห่ง ภายในวันที่ 15 ธ.ค. 2563 เพื่อเฝ้าระวังการแพร่เชื้อโควิด-19 ในส่วนการตรวจแรงงานต่างด้าวในสถานประกอบการ รวมถึงแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายที่แฝงตัวในกิจการประเภทต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าฯกทม. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กรุงเทพมหานคร (ศบค.กทม.) เปิดเผยว่า สำนักอนามัย รายงานการตรวจสอบใน 6 กลุ่มเขต โดยเน้นสถานประกอบการทุกแห่งที่มีการจ้างแรงงานเมียนมาตามข้อสั่งการกระทรวงมหาดไทย ขณะนี้ได้ดำเนินการไปแล้วร้อยละ 80 โดยกลุ่มเขตกรุงธนเหนือตรวจครบแล้วร้อยละ 100 กลุ่มเขตอื่นตรวจแล้วร้อยละ 80-90



          จากการตรวจสอบ พบแรงงานเมียนมา 6 คน ในพื้นที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เป็นแรงงานผิดกฎหมายไม่มีใบอนุญาตทำงาน เจ้าหน้าที่ได้ประสานสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ส่งตัวกลับประเทศไป และยังไม่พบเพิ่มเติม ยังคงเฝ้าระวังแรงงานที่แฝงตัวอยู่ในกิจการต่างๆ ซึ่งตรวจสอบได้ยาก ต้องอาศัยประชาชนช่วยแจ้ง หากพบเห็นหรือสงสัยให้แจ้งสำนักงานเขตเข้าไปตรวจสอบ ซึ่งที่ผ่านมามีประชาชนแจ้งเข้ามาไปตรวจสอบแล้วยังไม่พบ



อธิบดีกรมควบคุมโรค เผย เชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ เป็นเรื่องปกติ

          นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึง การกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โควิด-19 ว่าเป็นเรื่องปกติ ปัจจุบันมีการระบาดทั่วโลก กว่าร้อยละ 80  เป็นสายพันธุ์จี ส่วนไทยที่พบในสถานที่กักกันเป็นสายพันธุ์จี ซึ่งแพร่ได้เร็ว แต่ความรุนแรงของโรคน้อยลง อัตราป่วยเสียชีวิตอยู่ที่ร้อยละ 2  ขอย้ำว่า การ์ดอย่าตก ต้องสวมหน้ากาก ล้างมือและเว้นระยะห่าง



กรมการค้าภายใน จับหน้ากากอนามัยขึ้นราคา



         รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า มีประชาชนร้องเรียนจำนวนมากว่าถูกร้านค้าฉวยโอกาสขึ้นราคาหน้ากากอนามัย หลังจากพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ เช่น ตลาดนัดกระทรวงพาณิชย์ ปรับราคาขึ้นเป็นกล่องละ 50 บาท จากเดิม 3 กล่อง 100 บาท, ย่านซอยอารีย์ ตลาดหลังกระทรวงการคลัง ปรับราคาขึ้นกล่องละ 60-70 บาท จากเดิมกล่องละ 40 บาท, ตลาดค้าส่งย่านสำเพ็งจากเดิมแพ็ก 50 ชิ้น ขายส่ง 28 บาท ปรับเพิ่มเป็น 40-60 บาท รวมทั้งในตลาดออนไลน์ จากเดิมกล่องละ 40 บาท เพิ่มเป็นกล่องละ 100 บาท





          นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม รองอธิบดีกรมการค้าภายใน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ออกจับกุมทั่วประเทศ หากร้านใดขายหน้ากากอนามัยเกินชิ้นละ 2.50 บาท จะจับกุมดำเนินคดีทันที โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ขอความร่วมมือร้านค้าอย่าฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาโดยไม่มีเหตุอันควร



แฟ้มภาพ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ 



กต. เสนอให้ กลุ่ม ผ.30 อยู่ในไทยได้เพิ่มเป็น 45 วัน




         นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศ เร่งผ่อนคลายมาตรการให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศเพิ่มเติม กระทรวงการต่างประเทศ เสนอเรื่องการผ่อนคลายมาตรการในกลุ่มประเทศต่างๆ ให้ที่ประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจผ่อนคลายมาตรการของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.2563 พิจารณา ซึ่งได้เห็นชอบอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทยโดยไม่ต้องตรวจลงตรา 3 กลุ่ม คือ



1.กลุ่มที่อนุญาตให้พำนักได้ไม่เกิน 30 วัน (ผ.30) ได้แก่ 56 ประเทศ/ดินแดน ซึ่งที่ประชุมขอให้กระทรวงมหาดไทย พิจารณาออกประกาศให้สิทธิแก่กลุ่ม ผ.30 จำนวน 56 ประเทศ/ดินแดน สามารถพำนักได้ไม่เกิน 45 วัน (เป็น ผ.45) โดยให้มีผลชั่วคราว นับตั้งแต่ออกประกาศ ถึง 30 ก.ย.2564 ซึ่งกระทรวงมหาดไทยรับพิจารณาและจะเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบ เช่น ฮ่องกงและมาเก๊า รัสเซีย ลาว เวียดนาม เป็นต้น ซึ่งหมายความว่าคนในประเทศดังกล่าวสามารถเดินทางเข้าประเทศไทยและพำนักอยู่ในประเทศไทยได้ 30 วัน โดยไม่ต้องใช้วีซ่า



2.กลุ่มที่มีความตกลงระหว่างกัน พำนักได้ไม่เกิน 30 วัน ได้แก่ ฮ่องกง ลาว มาเก๊า มองโกเลีย รัสเซีย และเวียดนาม



3.กลุ่มที่มีความตกลงระหว่างกัน พำนักได้ไม่เกิน 90 วัน ได้แก่ อาร์เจนตินา บราซิล ชิลี และเปรู




ยังพบโกงโครงการคนละครึ่ง รัฐบาล ให้คลังดำเนินคดี



          นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง โครงการคนละครึ่ง เฟส 2 ซึ่งเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่จะมีการเพิ่มสิทธิให้ประชาชนอีก 5,000,000 สิทธิ ในวันที่ 16 ธ.ค.2563ว่า รัฐบาลได้รับรายงานว่ามีบุคคลหลายกลุ่มที่ยังคงดำเนินการในลักษณะไม่ถูกต้องตามระเบียบของโครงการฯ พยายามแสวงหาผลประโยชน์ ซึ่งกระทรวงการคลังได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินคดีกับบุคคลเหล่านั้นแล้ว ดังนั้นจึงขอเตือนผู้ที่ดำเนินการเหล่านี้ ให้หยุดการกระทำดังกล่าว



          นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวถึง ความคืบหน้าของการใช้จ่ายในโครงการคนละครึ่งว่า มียอดใช้สะสมตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค. 2563 ประมาณ 40,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการใช้จ่ายเป็นส่วนที่ประชาชนใช้จ่ายเองเกือบ 20,500 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 51 และรัฐบาลสมทบประมาณ 19,500 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 49 ส่วนร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้ว มีประมาณเกือบ 1,000,000 ร้านค้า

ข่าวทั้งหมด

X