สถานการณ์โควิด-19 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ขณะนี้พบข้อมูลข่าวสารในโซเชียลมีเดียค่อนข้างมาก แต่มากกว่าร้อยละ 80 เป็นเฟคนิวส์ หรือข่าวปลอม โดยเฉพาะข้อมูลที่ไม่มีที่มา ที่ไป ไม่รู้ว่าส่งมาจากใคร หรือบางครั้งเป็นข้อมูลในอดีตเช่นใน 4 วันประเทศไทยจะมีผู้ป่วยหลายพันคนอันนั้นเป็นข้อมูลตั้งแต่เดือนมี.ค.แต่เอามาพูดในเดือนธ.ค. ก็ไม่ตรงกับความเป็นจริงจัดว่าเป็นเฟคนิวส์อีกอย่างหนึ่ง ดังนั้นขอประชาชนที่รับข่าวสารให้ตรวจสอบข้อมูลถ้าเป็นแหล่งข่าวที่ไม่มีที่มา ที่ไปหรือข่าวเก่าเอามาวนซ้ำ หากเชื่อโดยทันทีทันใดจะทำให้เกิดการตื่นตระหนกในหมู่ประชาชน ดังนั้นขอย้ำว่ากระทรวงสาธารณสุขและศบค.จะเอาข้อมูลข้อเท็จจริงที่เป็นรายละเอียดมาแจ้งต่อประชาชนได้ทราบทุกวันเวลา 11.30 น.
ส่วนกลุ่มที่ติดโควิด-19 เกี่ยวเนื่องกับจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา รวม 46 คน ทั้งหมดอยู่ในการควบคุมอยู่ใน SQ และการรักษาในโรงพยาบาล ซึ่งเป็นพื้นที่ ที่ควบคุมสถานการณ์ได้ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย มีการตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยงสูงและกลุ่มอื่นๆที่ต้องสงสัยในพื้นที่ต่างๆ 5,100 กว่าคน พบผลเป็นบวกเพียง 1 คน คือ คนที่เที่ยวร่วมกันกับผู้ที่เดินทางกลับมาจากท่าขี้เหล็ก ซึ่งเป็นผู้ป่วยยืนยันไปก่อนหน้านี้
อธิบดีกรมควบคุมโรค ยืนยันว่า ในพื้นที่สามารถควบคุมโรคได้ แยกรายจังหวัดดังนี้
-เชียงใหม่ไม่พบผู้ป่วยมาตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค. แล้ว
-ส่วนจังหวัดเชียงราย ที่พบผู้ป่วยเพิ่มก็เกิดในที่กักตัว จังหวัดพะเยาไม่มีเคสใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.
-กทม.ไม่พบผู้ป่วยใหม่ตั้งแต่วันที่ 6 ธ.ค.
-พิจิตรไม่พบผู้ป่วยใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.
-จังหวัดราชบุรีไม่พบผู้ป่วยใหม่ตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค.
-จังหวัดสิงห์บุรีไม่พบผู้ป่วยใหม่ตั้งแต่วันที่ 4 ธ.ค.
ดังนั้น จังหวัดต่างๆ เหล่านี้ สามารถควบคุมโรคได้อย่างดี สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ตามปกติ คนที่เดินทางไปจังหวัดเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องกักตัว หากไม่ได้อยู่ในช่วงวันและเวลาเดียวกับผู้ป่วยถือว่าปลอดภัย แต่ขอย้ำประชาชนในการสวมหน้ากากอนามัย 100 % อย่างถูกต้องครอบคลุมทั้งจมูกและปาก ไม่ให้หน้ากากอนามัยตกลงมาที่คาง จะช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่หากสวมไม่ถูกย่อมมีความเสี่ยงรับเชื้อ
ส่วนการกลายพันธุ์ของเชื้อนั้นเป็นเรื่องปกติ ซึ่งปัจจุบันมีการระบาดทั่วโลกกว่าร้อยละ 80 เป็นสายพันธุ์ G ส่วนประเทศไทยที่พบในสถานที่กักกันเกือบทั้งหมดก็เป็นสายพันธุ์ G ซึ่งแพร่ได้เร็ว แต่ความรุนแรงของโรคน้อยลง อัตราป่วยเสียชีวิตอยู่ที่ร้อยละ 2
สำหรับการสอบสวนการติดเชื้อในประเทศรายที่อาศัยอยู่จ.สิงห์บุรี เป็นหญิงอายุ 51 ปี นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า จากการติดตามผู้สัมผัสทั้งหมดมี 55 คน เป็นเสี่ยงสูง 37 คน ผลตรวจเป็นลบทั้งหมด และกลุ่มเสี่ยงต่ำ 18 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างเฝ้าระวังอาการให้ครบ 14 วัน
ส่วนที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จ. เชียงราย เจ้าหน้าที่ประมวลจากการสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้อง ข้อมูลล่าสุดพบปัจจัยเสี่ยงขณะที่อยู่ในสนามบิน เพื่อรอขึ้นเครื่อง พบว่า ผู้ป่วยสิงห์บุรี สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ถอดออกช่วงสั้นๆเพื่อตรวจบัตรประชาชนถือว่าเสี่ยงต่ำ แต่มีบางมุมไม่สามารถมองเห็นได้ เช่น ห้องน้ำ
รวมถึงภาพจากกล้องวงจรปิดที่สนามบินพบว่าผู้ป่วยรายที่อาศัยอยู่จ.พิจิตร และรายที่อยู่กทม. สวมหน้ากากอนามัยไม่ถูกต้อง ตกลงมาใต้จมูกและปาก โดยสรุปคือ ข้อมูลขณะนี้อยู่ในระดับที่อธิบายปัจจัยเสี่ยงได้ ผู้ป่วยรายก่อนหน้านี้(พิจิตรและกทม.) มีโอกาสแพร่เชื้อ ซึ่งท่าอากาศยาน หน่วยงานดูแลความสะอาดเพิ่มมาตรการทำความสะอาดแจ้งเตือนปชช.ใช้บริการ ปฏิบัติตัวถูกต้อง จัดสถานที่ให้ปลอดภัย เว้นระยะมากขึ้น มีเจลล้างมือเพียงพอใช้บริการ ตรวจวัดไข้ สอบถามอาการมากขึ้น