ผู้ป่วยหญิงรายใหม่เป็นเพื่อนกับผู้ป่วยที่จ.ราชบุรี และ บุคลากรทางการแพทย์ 4 คน
นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และแผนงาน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยรายละเอียด ผู้ป่วยหญิง อายุ 21 ปี อาชีพแม่บ้าน ที่เป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 และลักลอบเดินทางเข้ามาที่จังหวัดเชียงราย โดยใช้เส้นทางธรรมชาติ ไม่ผ่านการคัดกรองและไม่ได้กักตัวตามมาตรการสาธารณสุข
-หญิง อายุ 21 ปี เป็นเพื่อนกับผู้ติดเชื้อจังหวัดราชบุรี อายุ 36 ปี ที่เดินทางไปเมียนมาแล้วลักลอบเข้าประเทศไทยผิดกฎหมาย
-เริ่มจากช่วงปลายเดือน พ.ย. 2563 หญิง อายุ 21 ปี อาศัยและทำงานอยู่ที่ประเทศเมียนมา
-วันที่ 29 พ.ย. 2563 เดินทางข้ามมาฝั่งไทย ตามเส้นทางธรรมชาติกับเพื่อนที่เป็นเคสในจังหวัดราชบุรี โดยมีชาวเมียนมา เป็นผู้พามาส่งที่จังหวัดเชียงราย
-จากนั้นผู้ป่วยหญิง อายุ 21 ปี นัดแฟนให้ไปรับตนกับเพื่อนที่หน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง เพื่อเดินทางไปสนามบินเชียงราย ส่งเพื่อนที่เป็นผู้ป่วยเคสราชบุรีขึ้นเครื่องกลับมาที่กรุงเทพฯ หลังส่งเพื่อนแล้วหญิง อายุ 21 ปีกับแฟนก็เดินทางกลับบ้าน และไปเที่ยวงานสิงห์ปาร์คกับกลุ่มเพื่อน นั่งโซนกลางของงาน ใกล้กับผู้ป่วยเคส จ.พะเยา
-วันที่ 30 พ.ย.-2 ธ.ค.2563 ผู้ป่วยหญิง อายุ 21 ปี อยู่แต่ในบ้าน
-วันที่ 3 ธ.ค. 2563 ผู้ป่วยพร้อมแฟนไปขอคิวตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่โรงพยาบาลเอกชนในอำเภอแม่สาย หลังได้คิวก็เดินทางกลับบ้าน จนช่วงบ่ายเวลา 15.45 น. วันที่ 3 ธ.ค.2563 จึงเดินทางไปยังจุดตรวจ มีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลมาเก็บตัวอย่างเพื่อส่งตรวจแต่ยังไม่ทราบผล เวลา 16.10 น.ผู้ป่วยและแฟนเดินทางออกจากโรงพยาบาล และกลับบ้านโดยไม่ได้ออกไปไหน
วันที่ 5 ธ.ค.2563 เวลา 16.20 น. ผู้ป่วยกับแฟนไปยังจุดบริการตรวจโควิด-19 ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในอำเภอแม่สาย โดยยินดีจ่ายเงินเอง ระหว่างนั้นมีเจ้าหน้าที่การเงินมาเก็บค่าบริการ มีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเก็บตัวอย่างเพื่อส่งตรวจ จนเวลา 17.12 น. ผู้ป่วยและแฟนเดินทางออกจากโรงพยาบาล เมื่อถึงบ้านก็ไม่ได้ออกไปไหน
-วันที่ 6 ธ.ค.2563 ได้รับแจ้งว่าพบเชื้อ และโรงพยาบาลแม่สายส่งตัวผู้ป่วยไปรักษาที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์
-วันที่ 7 ธ.ค. 2563 ทีมปฏิบัติการสอบสวนโรค สาธารณสุขที่ จ.เชียงราย สอบสวนและควบคุมโรครวมทั้งติดตามผู้สัมผัสทั้งหมดเพื่อเข้ารับการตรวจซ้ำและกักตัวเพื่อสังเกตอาการ
-ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 9 คน
-ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ เป็นเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลเอกชนในอำเภอแม่สาย 8 คน อยู่ระหว่างรอผล
สรุปจำนวนผู้ติดเชื้อที่เกี่ยวข้องกับจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา วันที่ 8 ธ.ค.2563 มีทั้งหมด 39 คน และยังมีรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่มเติมอีก 7 คน ที่จังหวัดเชียงราย พบในสถานที่กักตัว ยังไม่รวมกับจำนวนผู้ติดเชื้อประจำวันนี้ เนื่องจากเพิ่งได้รับรายงานยืนยันผลจากสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย และจะมีการแถลงรายละเอียดให้ประชาชนทราบต่อไป
กรณีบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อภายในประเทศ 4 คน พบว่าทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่พยาบาล ทำหน้าที่ในสถานที่กักตัว และปฏิบัติงานในโรงพยาบาลเอกชน เป็นเพื่อนกับพยาบาลวัย 26 ปี ที่เป็นผู้ป่วยติดเชื้อก่อนหน้านี้ โดยผู้ติดเชื้อในประเทศรายล่าสุด 4 คน เริ่มมีอาการป่วยเมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2563 4 ธ.ค.2563 และ 5 ธ.ค.2563 ตามลำดับ มีผู้สัมผัสรวม 280 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 51 คน ผลตรวจไม่พบเชื้อ และมีผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 229 คน กำลังรอผลการตรวจสอบ กระทรวงสาธารณสุข กำชับให้บุคลากรทางการแพทย์ เข้มงวดกับการป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาลและในสถานที่กักตัว พร้อมขอความร่วมมือสายการบิน งดเสิร์ฟอาหารบนเครื่องบินในช่วงนี้
ตม.สงขลา รวบชาวลาว 20 คน หลบหนีเข้าเมือง-ไม่ผ่านด่านตรวจโควิด-19
เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 6 อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ลงพื้นที่บริเวณสถานีขนส่งหาดใหญ่ หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว ตรวจสอบพบชาวลาว 20 คน ลักษณะมีพิรุธ กำลังนั่งรับประทานอาหารภายในร้านอาหารบริเวณสถานีขนส่งหาดใหญ่ สอบถามพบเป็นแรงงานจากลาว เดินทางกลับมาจากประเทศมาเลเซีย โดยทั้งหมดยอมรับว่าหลบหนีเข้ามา ไม่ได้ผ่านทางด่านตรวจคนเข้าเมืองและไม่ได้ตรวจคัดกรองเชื้อโควิค-19 ยืนยันว่าไม่ได้ป่วยและกำลังเดินทางมาที่กรุงเทพฯ เพื่อต่อรถไปลงชายแดนเดินทางกลับเข้าประเทศลาว เจ้าหน้าที่จึงแจ้งสาธารณสุขอำเภอหาดใหญ่ เข้าทำการตรวจคัดกรองเบื้องต้น ควบคุมตัวแรงงานทั้ง 20 คนไปทำการตรวจหาเชื้อในรายละเอียดก่อนจะทำการกักตัวแรงงานทั้งหมดไว้ เพื่อเฝ้าดูอาการอีกครั้ง ก่อนจะดำเนินคดีแรงงานทั้งหมดหลบหนีเข้าเมือง
ฮ่องกง เตรียมสั่งห้ามคนกินอาหารนอกบ้านหลัง18.00 น.
นางแคร์รี แลม ผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกง เปิดเผยว่า รัฐบาลฮ่องกง จะออกคำสั่งห้ามประชาชนไม่ให้ออกไปรับประทานอาหารในร้านอาหารหลังจากเวลา 18.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น รวมทั้งสั่งปิดสถานออกกำลังกายและร้านเสริมสวย เรียกร้องให้นายจ้างอนุญาตให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน รัฐบาลได้เริ่มกลับมาใช้มาตรการเป็นวงกว้างเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นางแลม เปิดเผยว่า ไม่มีทางเลือก จำเป็นต้องเตรียมพร้อมกับการประกาศใช้มาตรการต่างๆ เพิ่มเติม
เมื่อวานนี้ ฮ่องกง พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่สูงถึง 78 คน ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นเป็น 6,976 คน
‘ทรัมป์’เตรียมลงนามคำสั่งพิเศษให้ชาวอเมริกันได้รับการฉีดวัคซีน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เตรียมลงนามคำสั่งพิเศษ เพื่อสร้างความมั่นใจว่า วัคซีนต้านโรคโควิด-19 ที่รัฐบาลสหรัฐฯดำเนินการจัดซื้อนั้นจะได้รับการส่งมอบให้กับชาวอเมริกันเป็นกลุ่มแรก ก่อนที่จะนำไปให้ความช่วยเหลือประเทศอื่นๆ
เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่ง ระบุว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีทรัมป์ แสดงความมั่นใจว่า สหรัฐฯจะได้รับวัคซีนเพียงพอที่จะฉีดให้ทุกคนที่ต้องการได้ ภายในช่วงไตรมาส 2 ของปีหน้า
ขณะที่ในวันนี้ ทำเนียบขาว จัดการประชุม "Vaccine Summit" เพื่อเน้นย้ำและอธิบายถึงแผนการแจกจ่ายวัคซีนภายใต้โครงการ Operation Warp Speed ที่มีเป้าหมายให้ชาวอเมริกันได้ฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ภายในสิ้นปีนี้
ผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมยา ระบุว่า ทำเนียบขาวจะใช้การประชุมดังกล่าวเป็นโอกาสในการกดดัน สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(FDA) ให้เร่งอนุมัติการใช้วัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ และบริษัทโมเดอร์นา อิงค์ เป็นกรณีฉุกเฉิน
‘ไบเดน’ เลือกทีมงานด้าน สธ.จัดการวิกฤตโควิด-19
นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดเผยรายชื่อคณะทำงานด้านสาธารณสุขบางส่วน เช่น
-นายซาเวียร์ เบเซอร์รา อัยการสูงสุดของรัฐแคลิฟอร์เนีย ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ของสหรัฐฯ หากได้รับการยืนยัน นายเบเซอร์รา อดีตสมาชิกสภาคองเกรสจากรัฐแคลิฟอร์เนีย จะเป็นชาวละตินคนแรกที่ได้ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ของสหรัฐฯ โดยจะมีหน้าที่ควบคุมดูแลการแจกจ่ายวัคซีนต้านโรคโควิด-19
-พญ.มาร์เซลลา นูเนซ-สมิธ ผู้เชี่ยวชาญด้านความไม่เสมอภาคในการดูแลสุขภาพ ให้ดำรงตำแหน่งเป็นประธานคณะทำงานด้านการส่งเสริมความเท่าเทียมกันในการรักษาโรคโควิด-19
-นายเจฟฟ์ เซียนท์ อดีตผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ จะเป็นผู้ประสานงานการรับมือสถานการณ์โควิด-19 และที่ปรึกษาของประธานาธิบดี
-นพ.แอนโทนี ฟาวซี ปัจจุบันเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อของสหรัฐฯและเคยเป็นที่ปรึกษาให้ประธานาธิบดีมาแล้ว 6 คน จะเป็นหัวหน้าคณะที่ปรึกษาด้านการแพทย์ให้กับนายไบเดน และจะยังคงดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติของสหรัฐฯ ต่อไป
สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า นายไบเดน ต้องการให้คณะทำงานด้านสาธารณสุขนำคุณสมบัติด้านความซื่อสัตย์ ความรู้ความสามารถด้านวิทยาศาสตร์และประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการภาวะวิกฤตมาใช้ในการรับมือกับความท้าทายครั้งใหญ่สุดที่สหรัฐฯเคยเผชิญซึ่งได้แก่การสกัดกั้นโรคโควิด-19 เพื่อให้ชาวอเมริกันสามารถกลับไปทำงาน ใช้ชีวิต และกลับไปอยู่กับคนที่พวกเขารักได้เหมือนเดิม