ทันสถานการณ์โลก 06.30 น. วันอังคารที่ 8 ธันวาคม 2563

ที่ปรึกษาโครงการวัคซีน เตรียมหารือ “ไบเดน” แจกวัคซีนต้านโควิด-19

          ภายในสัปดาห์นี้ เริ่มตั้งแต่วันนี้จนถึงวันพฤหัสฯ ประธานที่ปรึกษาด้านการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ของคณะผู้บริหารสหรัฐฯ เตรียมพบทีมงานของนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อหารือเกี่ยวกับโปรแกรมการแจกจ่ายวัคซีน คาดว่า การดำเนินชีวิตจะเริ่มกลับสู่ภาวะปกติในเดือนเม.ย.หรือ พ.ค.2564 ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเตือนว่าวัคซีนยังไม่ใช่ทางออกสำหรับการระบาดระลอกนี้ ย้ำประชาชนห้ามการ์ดตก

          นายมอนเซฟ สเลาอี ประธานที่ปรึกษาโครงการโอเปอเรชัน วาร์ป สปีด ของรัฐบาลสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์รายการ สเตท ออฟ เดอะ ยูเนียน ของเครือข่ายซีเอ็นเอ็นว่า เมื่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(FDA) อนุมัติเรื่องการใช้วัคซีน แต่ก็ไม่ได้รับประกันว่า การแจกจ่ายจะราบรื่น เนื่องจากขั้นตอนในการผลิตยุ่งยากซับซ้อนกว่าที่คาดไว้ เนื่องจาก รัฐบาลอาจได้รับวัคซีนล่าช้าจากที่ได้รับการอนุมัติประมาณ 6-8 สัปดาห์ จากเดิมคาดว่าจะได้รับวัคซีน 100 ล้านโดส ภายในปลายปีนี้ ขณะที่ประสิทธิภาพของวัคซีนจะปรากฏให้เห็นในกลุ่มที่เสี่ยงต่อไวรัสโคโรนามากที่สุดในเดือนม.ค.หรือ ก.พ.2564 ก่อนที่การดำเนินชีวิตจะเริ่มกลับสู่ภาวะปกติในเดือนเม.ย.หรือพ.ค. 2564

          ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพหลายคน เตือนชาวอเมริกันไม่ให้เพิกเฉยต่อมาตรการป้องกันโควิด-19 คือ การสวมหน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่างทางสังคม และการหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีคนแออัดหรือการรวมกลุ่มขนาดใหญ่

อังกฤษ เริ่มฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มแรก 8 ธ.ค.

          วันนี้ สำนักงานสาธารณสุขแห่งชาติ (เอ็นเอชเอส) ของอังกฤษ เตรียมพร้อมที่จะแจกจ่ายและฉีดวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ และไบโอเอ็นเทค ให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยงราว 800,000 โดส ซึ่งใช้การขนส่งทางเครื่องบินจากแหล่งผลิตในประเทศเบลเยียมมาเก็บไว้ในสถานที่ปลอดภัยในอังกฤษเรียบร้อยแล้ว พร้อมสำหรับการตรวจสอบคุณภาพและแจกจ่ายต่อไป โดยจำเป็นต้องใช้ตู้แช่แข็งพิเศษ เพื่อควบคุมอุณหภูมิไว้ที่-70 องศาเซลเซียส ตลอดเวลา โดยกลุ่มบุคคลที่จะได้รับการฉีดวัคซีน

-กลุ่มแรกเป็นผู้สูงอายุวัย 80 ปีขึ้นไป หนังสือพิมพ์เดอะเมล์ ออน ซันเดย์ รายงานว่า สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และ เจ้าชายฟิลิป พระสวามี ซึ่งทรงมีพระชนมายุ 94 พรรษา และ 99 พรรษา ตามลำดับ เป็นหนึ่งในกลุ่มชาวอังกฤษกลุ่มแรกๆ ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 พระบรมวงศานุวงศ์อาวุโสในราชสำนัก จะเปิดเผยตัวอย่างเป็นทางการว่า ได้รับวัคซีนโควิด-19 แล้ว เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนทั่วไปให้ความสนใจฉีดวัคซีนป้องกันเพิ่มมากขึ้นด้วย

-บุคลากรด้านสาธารณสุข ซึ่งต้องทำหน้าที่รับมือกับผู้ติดเชื้ออยู่ทุกวัน

-ผู้สูงอายุในบ้านพักคนชราและเจ้าหน้าที่

          หลังจากนั้น จะมีการแจกจ่ายวัคซีนไปยังศูนย์เพื่อการฉีดวัคซีนในท้องถิ่นต่างๆ ที่จัดตั้งขึ้นมากกว่า 1,000 ศูนย์ทั่วประเทศอังกฤษ เอ็นเอชเอส ได้ส่งหนังสือเวียนให้แพทย์ในแต่ละท้องถิ่นทราบแล้วว่าจะเริ่มการฉีดวัคซีนพร้อมกันในวันที่ 14 ธ.ค.2563 แพทย์ในท้องถิ่นจะรวมกลุ่มกันมาทำหน้าที่ในศูนย์วัคซีนประจำท้องถิ่นเท่านั้น ไม่มีการฉีดให้ตามโรงพยาบาลหรือคลินิก

เมลเบิร์น เปิดรับเที่ยวบินแรกจากต่างแดนในรอบ5เดือน

          เมลเบิร์น เมืองใหญ่อันดับ 2 ทางภาคใต้ฝั่งตะวันออกของออสเตรเลีย ต้อนรับเที่ยวบินโดยสารระหว่างประเทศเที่ยวแรกในรอบ 5 เดือน เป็นเที่ยวบินนำชาวออสเตรเลียติดค้างโควิด-19 ในต่างแดนกลับประเทศ เครื่องบินโดยสารสายการบินศรีลังกา แอร์ไลน์ เที่ยวบิน ยูแอล 604 นำชาวออสเตรเลียที่ติดค้างโควิด-19 อยู่ต่างประเทศ ลงจอดที่ท่าอากาศยานทัลลามารีน ชานเมืองเมลเบิร์น โดยผู้โดยสารที่เดินทางมากับเที่ยวบินทั้งหมด จะต้องเข้ารับการกักตัวในโรงแรม ด้วยมาตรการที่เข้มงวดมากกว่าเดิม คือห้ามออกจากห้องโดยเด็ดขาด ยกเว้นจะได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ในกรณีพิเศษ

          ตั้งแต่เดือนมี.ค.2563 ออสเตรเลีย ปิดเขตแดนสำหรับชาวต่างชาติ แต่สนามบินทุกแห่งของเมลเบิร์น เมืองเอกของรัฐวิคตอเรีย ไม่อนุญาตให้เครื่องบินทุกชนิดลงจอด เมื่อปลายเดือน มิ.ย.2563 หลังเกิดการระบาดใหญ่ของไวรัสโควิด-19 ที่เริ่มจากโรงแรม 2 แห่ง ที่ใช้เป็นสถานที่กักตัวผู้เดินทางเข้าเมือง การระบาดทำให้มีผู้ป่วยติดเชื้อกว่า 20,000 คนในรัฐวิคตอเรีย เมื่อพนักงานโรงแรมติดเชื้อไวรัส จากผู้เข้ากักตัว 

สหรัฐฯ คว่ำบาตรเจ้าหน้าที่จีน 14 คน อ้างประเด็นการเมืองฮ่องกง

          เว็บไซต์กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่า ทางการสหรัฐฯ ตัดสินใจคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่จีน และเป็นสมาชิกสภาประชาชนแห่งชาติจีนทั้งหมด 14 คน โดยสหรัฐฯอ้างว่าเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้มีบทบาทในการตัดสิทธินักการเมืองฝ่ายค้านในฮ่องกง 4 คน

         ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่จีนได้ออกมาตรการเมื่อเดือนที่ผ่านมา กำหนดให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของฮ่องกงจะต้องเป็นผู้ที่จงรักภักดีต่อชาติ ซึ่งส่งผลให้สมาชิกสภาฝ่ายค้านลาออกเป็นจำนวนมาก มาตรการดังกล่าวของจีน ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPCSC) เพื่อให้อำนาจรัฐบาลฮ่องกง ขับไล่สมาชิกสภานิติบัญญัติที่ไม่จงรักภักดีต่อชาติโดยไม่ต้องผ่านการพิจารณาของศาล

"หวัง อี้" เสนอจีน-สหรัฐฯ เปิดโต๊ะเจรจาฟื้นความสัมพันธ์

          สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าวในระหว่างการประชุมผู้แทนคณะกรรมการแห่งสภาธุรกิจสหรัฐฯ-จีน ซึ่งจัดขึ้นในรูปแบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์เรียกร้องให้สหรัฐฯและจีนร่วมมือกันเพื่อสร้างหลักประกันเรื่อง "การเปลี่ยนแปลงที่มั่นคง" ระหว่างความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศในทุกมิติ ด้วยการเจรจาเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ให้กลับมาราบรื่นและสร้างความเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน

          นายหวัง กล่าวว่า ในฐานะชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจและสมาชิกของสภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ จีนและสหรัฐฯมีผลประโยชน์ร่วมกันในหลายด้าน และยังมีโอกาสที่จะร่วมมือกันในหลายประเด็น ดังนั้น ทั้ง 2 ชาติจึงควรเปิดโต๊ะเจรจาและสานต่อความร่วมมือเพื่อสร้างสันติภาพ นายหวังผลักดันข้อเสนอ 5 ประการที่จะสนับสนุนการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศอย่างราบรื่นและมั่นคง ได้แก่

1. การเข้าใจจีนในเชิงกลยุทธ์อย่างถูกต้อง

2. การเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านการสื่อสารและเจรจา

3. การขยายความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ต่อทั้ง 2 ฝ่าย

4. การจัดการข้อพิพาทและความขัดแย้ง

5. การเพิ่มการสนับสนุนต่อความสัมพันธ์ในระดับทวิภาคี

คาด “ทรัมป์” อาจแย่งซีนอำลาตำแหน่ง ในวันที่ “ไบเดน” สาบานตนรับตำแหน่ง

          ความเคลื่อนไหวของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ มีรายงานว่า ผู้นำสหรัฐฯคนที่ 45 วางแผนที่จะบินด้วยเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน ไปที่รัฐฟลอริดาเพื่อออกอากาศทางโทรทัศน์อำลาตำแหน่ง ระหว่างที่นายไบเดน กำลังสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯคนที่ 46 ที่กรุงวอชิงตันที่มีการใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม และนายไบเดน เคยเปิดเผยว่า พิธีสาบานตนของเขาจะมีขนาดเล็กลง เนื่องจาก วิกฤตโควิด-19

          ตามปกติแล้วผู้นำสหรัฐฯที่กำลังจะอำลาตำแหน่งจะเข้าร่วมเป็นเกียรติในพิธีสาบานตน สมัยที่นายทรัมป์ เข้าพิธีสาบานตน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา และอดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 มิเชล โอบามา ได้เข้าร่วมเพื่อเป็นเกียรติ

          ก่อนหน้านี้ นายไบเดน เปิดเผยว่า ส่วนตัวแล้วเขาไม่สนใจว่านายทรัมป์จะเข้าร่วมพิธีสาบานตนของเขาหรือไม่ แต่นายทรัมป์ สมควรที่จะเข้าร่วมเพื่อแสดงให้เห็นว่าอเมริกามีการเปลี่ยนผ่านทางอำนาจบริหารอย่างสันติ

          รายงานอีกด้าน ระบุว่า นายทรัมป์ มีแผนที่จะประกาศการลงชิงตำแหน่งการเลือกตั้งปี 2024 ในวันที่นายไบเดน เข้าพิธีสาบานตนเพื่อหวังแย่งความสนใจจากสื่อ และเป็นคู่แข่งทางการเมืองของนายไบเดน

          ด้านทำเนียบขาว ชี้แจงข่าวดังกล่าวว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเป็นคนประกาศเองให้รับทราบถึงในสิ่งที่เขาจะทำในวันที่ 20 ม.ค.2564