ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม 2563

07 ธันวาคม 2563, 19:12น.


ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม 2563  



พบคนไทยยังลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ตม.จัดกำลังเสริม



          พลตำรวจตรีอาชยน ไกรทอง รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ในฐานะโฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้จับกุมคนไทยเพิ่มอีก 4 คน ที่ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองจากประเทศเพื่อนบ้านเข้าทาง อ.แม่สอด จ.ตาก และได้โพสต์เฟซบุ๊กไปยังสถานที่ต่างๆ ส่วนในวันนี้ที่พบผู้ติดเชื้อจำนวน  32 คนนั้น แบ่งเป็น 14 คน เข้ามาตามช่องทางด่านถูกกฎหมาย , 16 คน ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองและถูกจับกุม ส่วน 2 คน ติดเชื้อในประเทศ  ล่าสุด เมียนมาได้ประสานกับไทย สำรวจจำนวนบุคคลเพื่อส่งตัวกลับอย่างถูกกฎหมายและเข้าสู่การกักตัว 14 วัน



          ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้กำชับให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและตำรวจพื้นที่  ช่วยในการสืบสวนขยายผลเรื่องการสอบสวนโรคของกระทรวงสาธารณสุขด้วย



          ส่วนพื้นที่สีแดง พื้นที่สุ่มเสี่ยง พื้นที่ล่อแหลม ทางพรมแดนฝั่งเชียงราย ได้จัดกำลังเสริมตั้งลวดหนามหีบเพลง ออกลาดตระเวน พร้อมกำชับผู้ประกอบการรถขนส่งรถโดยสาร และบุคคลที่อยู่บริเวณชายขอบ หากพบว่ามีส่วนรู้เห็นหรือช่วยเหลือในการนำพา หรือเข้ามาโดยผิดกฎหมาย จะมีโทษจำคุก 10 ปี ปรับ 100,000 บาท และถ้าพบว่าเป็นที่ซุกซ่อนคนที่ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองจะผิดข้อหาเรื่องซ่อนเร้นฯ มีโทษจำคุก 5 ปี ปรับ 50,000 บาท



          สำหรับช่องทางเข้าออกทั่วประเทศทั้งทางบก เรือ อากาศ มีทั้งหมด 126 ช่องทาง ล่าสุด ได้มีการปิดพรมแดนทั้งหมด ยกเว้นบุคคล 11 ประเภทที่จะสามารถเข้าเมืองได้ เช่น บุคคลที่อยู่ในสถานทูต, มาเยี่ยมครอบครัว, มาประกอบธุรกิจ, นักเรียนนักศึกษา และข้อยกเว้นพิเศษเป็นข้อตกลงทางรัฐบาล เพราะฉะนั้นถ้าไม่เข้าตามหลัก 11 เหตุผล คนต่างด้าวไม่สามารถเข้ามาตามด่านชายแดน หรือเข้ามาทางอากาศได้  เพื่อไม่ให้คนเข้าคนออก ป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19 เข้าสู่ไทย



          สำหรับพื้นที่แม่สอดมี 1 ช่องทาง ที่อนุญาตให้คนประเทศเมียนมาได้กลับภูมิลำเนา แต่จะไม่มีทุกวัน  ขึ้นอยู่กับข้อตกลงความพร้อมของทั้ง 2 ประเทศ จึงจะมีการนำส่งคนออกนอกประเทศ แต่คนไทยยังไม่สามารถเดินทางออกไปได้ รวมถึงคนที่อยู่ฝั่งประเทศเมียนมาไม่สามารถเข้ามาได้



          จากการสำรวจตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ซึ่งมีระยะทางยาวกว่า 2,400 กิโลเมตรพบจุดลักลอบผ่านแดน หรือจุดเสี่ยงช่องทางธรรมชาติ อาทิ จังหวัดเชียงราย ประมาณ 4 จุด ช่วงแม่น้ำและพื้นดินที่ติดกับชายแดนแม่สาย อีกฝั่งจะเป็นท่าขี้เหล็ก จังหวัดตาก แม่สอด 3-4 จุดล่อแหลม ช่วงแม่น้ำเมยความยาวหลายกิโลเมตร



          จังหวัดเชียงใหม่มี 3 อำเภอ ที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน คือ อำเภอชัยปราการ อำเภอแม่อาย และอำเภอแม่แตง ซึ่งทางจังหวัดเชียงใหม่ยังไม่มีการลักลอบเข้ามา เนื่องจากผ่านเข้ามาได้ยาก



จังหวัดหนองคาย บริเวณสะพานมิตรภาพไทยลาว และจังหวัดตราด สามารถควบคุมได้  มีอัตราผู้หลบหนีในจำนวนน้อย



ผู้ป่วยที่ติดเชื้อในสถานที่กักตัว พบว่า สวมอุปกรณ์ป้องกันตัวไม่มิดชิด



          นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยรายละเอียดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์ ใน Alternative State Quarantine เป็นการติดเชื้อในประเทศว่า ระหว่างปฏิบัติงาน สวมชุดป้องกันตัว แต่อาจจะมีบางจุดที่ไม่มิดชิด จึงอาจทำให้เกิดการติดเชื้อขึ้นได้ จริงๆ แล้วในสถานที่กักตัวผู้เดินทางมาจากต่างประเทศนั้นมีโอกาสที่จะพบเชื้อได้ ต้องมีการเข้มข้นเรื่องการป้องกันตัวและการทำความสะอาดสถานที่ กรณีนี้คล้ายกับกรณีที่เคยเจอผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใน Alternative ที่ จ.สมุทรปราการ อย่างไรก็ตาม ผลการสอบสวนโรคที่ชัดเจนทางสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (ศปคม.) จะแถลงในรายละเอียดอีกครั้ง



          กรณีบุคคลใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ ปกปิดข้อมูล หรือไม่แจ้งพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อแก่บุคลากรทางการแพทย์ จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 10,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ  นอกจากนั้น ยังมีความผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 20,000บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ รวมไปถึงพระราชบัญญัติควบคุมโรคติดต่อและพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง



กทม.เข้มป้องกันโควิด-19 เข้มพื้นที่ ที่เคยระบาดหนัก



         การแพร่ระบาดโควิด-19 ในช่วงนี้ที่เริ่มพบการแพร่ระบาดประกอบกับสภาพอากาศที่เย็นลง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรือ ผู้ว่าฯกทม. เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานเข้มงวดตรวจสถานประกอบกิจการที่ได้รับการผ่อนปรน โดยเฉพาะสถานที่เคยพบการแพร่ระบาดมาก่อน เช่น สนามมวย สถานบันเทิง   รวมทั้งเข้มงวดการตรวจตราเฝ้าระวังบุคคลลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย โดยขอความร่วมมือผู้ประกอบการสถานบริการแจ้งให้ทางการทราบหากมีพนักงานเดินทางไปทำงานใน รร.1G1 ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา และตรวจสอบสถานศึกษาเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 และเชื้อไวรัสอื่นๆ



ดยุกและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ของอังกฤษให้กำลังใจประชาชนที่พยายามฝ่าวิกฤตโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ระบาด



          ขบวนรถไฟพระที่นั่งออกจากกรุงลอนดอนเมื่อกลางดึกวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น เจ้าชายวิลเลียม รัชทายาทลำดับที่สองของราชวงศ์อังกฤษและพระชายา จะเสด็จเยี่ยมราษฎรรวมระยะทางประมาณ 2,000 กิโลเมตร เพื่อทรงให้กำลังใจและพบปะบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ศูนย์ดูแลระยะยาว และครู ทั้งในอังกฤษ สกอตแลนด์ และเวลส์ เพื่อขอบคุณที่ร่วมกันดำเนินความพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อดูแลรักษาผู้ป่วยในช่วงที่เกิดโรคระบาดโควิด-19



          สำนักพระราชวังเคนซิงตันแถลงว่า ดยุกและดัชเชส ชื่นชมการทำงานอย่างหนักของทุกคนทั่วประเทศในปีแห่งความยากลำบาก ทั้งยังมีพระประสงค์ที่จะขอบคุณผู้ที่มีส่วนสนับสนุนชุมชนในท้องถิ่น ก่อนที่จะถึงเทศกาลคริสต์มาสด้วย อังกฤษเป็น 1 ประเทศที่โควิด-19 ระบาดหนักที่สุดในยุโรป มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 60,000 ราย



คนสหราชอาณาจักร ไม่เชื่อวัคซีนโควิด-19



          สหราชอาณาจักรจะเริ่มโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ขนานใหญ่ในวันอังคารนี้ ในขณะที่ผู้คนจำนวนไม่น้อยยังคงมีความเคลือบแคลงสงสัยอยู่ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ยังผู้คนอีกไม่น้อยที่เชื่อในทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับโรคโควิด-19 และวัคซีนป้องกัน



          ศ.แดเนียล ฟรีแมน ด้านจิตวิทยาคลินิก มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดเปิดเผยว่า ประชากรในสหราชอาณาจักรประมาณหนึ่งในสี่เชื่อในทฤษฎีสมคบคิด อีกหนึ่งในสี่กำลังคิดวนเวียนอยู่กับทฤษฎีสมคบคิด และอีกราว 1 ใน 10 เชื่อทฤษฎีสมคบคิดอย่างหัวปักหัวปำ ผลสำรวจเดือนก่อนพบว่า ชาวอังกฤษเกือบสองในสามจะรับวัคซีน แต่หลายคนไม่สบายใจที่หลายบริษัทเร่งพัฒนาเมื่อเทียบกับวัคซีนทั่วไป และเกรงเรื่องผลข้างเคียง



          รอยเตอร์ระบุว่า บางคนเชื่อเรื่องกล่าวอ้างไร้มูลในอินเทอร์เน็ต เช่น ทฤษฎีที่ว่ารัฐบาลประเทศต่าง ๆ เจตนาทำให้เกิดการระบาดเพื่อควบคุมผู้คน หรือทฤษฎีที่ว่า บิลล์ เกตส์ ผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์ ต้องการใช้วัคซีนเป็นพาหะในการฉีดไมโครชิปติดตามได้เข้าไปในตัวคน ทอม ฟิลิป บรรณาธิการฟูลแฟ็กต์ (Full Fact) องค์กรการกุศลด้านการตรวจสอบข้อเท็จจริงชี้ว่า ข่าวลือและข่าวลวงช่วงเกิดโรคระบาดอยู่คู่โลกมานานหลายศตวรรษแล้ว เพียงแต่เทคโนโลยีสมัยนี้ทำให้ข่าวลือและข่าวลวงแพร่กระจายรวดเร็ว ไปไกล และข้ามประเทศมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน



ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19ทั่วโลกแตะระดับ 67 ล้านคน



          มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ รายงานว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 67,027,780 คน และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 1,535,492 ราย สำหรับความเคลื่อนไหวของสถานการณ์รอบโลก นครลอสแอนเจลิส ซึ่งเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นมากที่สุดในสหรัฐฯ พบยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงถึง 10,528 คนเมื่อวานนี้ และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 23 ราย ด้านจีนแผ่นดินใหญ่พบผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น 12 คน ส่งผลทำให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อกลุ่มดังกล่าวอยู่ที่ 3,948 คน



          อิตาลีพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 18,887 คนเมื่อวานนี้ ดันยอดรวมแตะที่ 1,728,878 คน โดยกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 564 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตทั่วประเทศอยู่ที่ 60,078 รายในช่วง 24 ชั่วโมง บราซิลพบผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ 26,363 คน ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 6,603,540 คน ขณะที่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 313 ราย ทำให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตแตะที่ 176,941 ราย



คนไทยมือไวกดซื้อของออนไลน์พุ่งเดือนละ 5.2 หมื่นล้าน



          ผลการสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่มีการซื้อสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) พบว่า การบริโภคออนไลน์ยังคงทรงตัว ขณะที่มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของรัฐได้รับความนิยมหลายโครงการ โครงการคนละครึ่งได้รับความนิยมเข้าร่วมมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 50.18 ตามด้วย ชิม ช้อป ใช้ ร้อยละ 45.30 เราเที่ยวด้วยกัน ร้อยละ 21.06 และช้อปดีมีคืน ร้อยละ 7.70 โดยประชาชนที่เข้าร่วมกับโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เห็นว่า โครงการดังกล่าวจะช่วยลดค่าใช้จ่าย ร้อยละ 39.63 สอดคล้องกับความต้องการ ร้อยละ 22.81 สามารถกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศได้จริง ร้อยละ 22.66 และเห็นว่าใช้สะดวก ร้อยละ 14.90



          ทั้งนี้โครงการที่ประชาชนเห็นด้วยมากที่สุด ได้แก่ โครงการคนละครึ่ง สูงถึงร้อยละ 47.95 ชิม ช้อป ใช้ ร้อยละ 25.82 เพิ่มวันหยุดยาว ร้อยละ 19.04 เราเที่ยวด้วยกัน ร้อยละ 4.70 และช้อปดีมีคืน ร้อยละ 2.49



          ส่วนพฤติกรรมการซื้อสินค้าและบริการของผู้บริโภคทั่วประเทศใน 7 กลุ่มอาชีพทุกอำเภอ (884 อำเภอ/เขต) จำนวน 8,072 คน พบว่า ผู้บริโภคมีการซื้อสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์ ใกล้เคียงกับเดือนส.ค. โดยนิยมซื้อสินค้าและบริการผ่าน Platform สมัยใหม่ อาทิ Lazada, Shopee มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 46.45 รองลงมาคือ ห้างค้าปลีกสมัยใหม่ (โลตัส/บิ๊กซี/วัตสัน/โรบินสัน) ร้อยละ 25.32 และ Facebook ร้อยละ 16.44

          สำหรับค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์เฉลี่ยต่อเดือน พบว่า ส่วนใหญ่มียอดซื้อต่ำกว่า 1,000 บาท/เดือน คิดเป็นร้อยละ 49.23 รองลงมา คือ 1,001 – 3,000 บาท ร้อยละ 37.57 และมากกว่า 3,000 บาทร้อยละ 13.20 สอดคล้องกับเดือนส.ค.และช่วงรายได้ของผู้ตอบแบบสอบถาม โดยผู้ที่มีรายได้สูง จะมีแนวโน้มซื้อสินค้าออนไลน์เฉลี่ยต่อเดือนสูงมากกว่าผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า

          อย่างไรก็ตาม สนค. ได้ประมาณการยอดการใช้จ่ายออนไลน์รายเดือนตามข้อมูลที่มีการสำรวจพบว่า มีมูลค่าถึง 52,000 ล้านบาทต่อเดือน หรือประมาณร้อยละ 7.80 ของยอดการบริโภคภาคเอกชนโดยรวมของประเทศ

          ด้านสินค้าและบริการที่นิยมซื้อผ่านออนไลน์มากที่สุดยังคงเดิม ได้แก่ เครื่องนุ่งห่มและรองเท้า ร้อยละ 27.46 อาหารและเครื่องดื่ม ร้อยละ 21.13 ผลิตภัณฑ์และของใช้ภายในบ้าน ร้อยละ 18.69 และสุขภาพและความงาม/ของใช้ส่วนบุคคล ร้อยละ 17.71 โดยเหตุผลหลักในการซื้อสินค้าออนไลน์ ส่วนใหญ่ยังคงเป็นเรื่องความสะดวก ร้อยละ 33.28 รองลงมา คือ ราคาถูก ร้อยละ 20.30 และมีให้เลือกหลากหลาย ร้อยละ 18.94

          เป็นที่น่าสังเกตว่า สินค้าออนไลน์นับวันจะยิ่งได้รับความนิยมและทวีความสำคัญเพิ่มขึ้น และอาจส่งผลต่อเงินเฟ้อได้อย่างมีนัยสำคัญได้ ซึ่ง สนค. ได้ตระหนักถึงประเด็นดังกล่าวและอยู่ระหว่างการศึกษาพฤติกรรมราคาสินค้า/บริการออนไลน์เพื่อกำหนดวิธีการจัดทำเงินเฟ้อให้สอดคล้องกับบริบทโลกใหม่โดยเร็ว



จีน เรียกร้องสหรัฐฯ ร่วมเวที เจรจาการค้า ฟื้นฟูความสัมพันธ์



          สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของจีน ได้เรียกร้องให้สหรัฐฯและจีนร่วมมือกันเพื่อสร้างหลักประกันถึง "การเปลี่ยนแปลงที่มั่นคง" ระหว่างความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศในทุกมิติ ผ่านการเปิดเจรจา เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ให้กลับมาราบรื่น และสร้างความเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน



          คำกล่าวของนายหวังมีขึ้นในระหว่างการประชุมผู้แทนคณะกรรมการแห่งสภาธุรกิจสหรัฐฯ-จีน ซึ่งจัดขึ้นในรูปแบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ นายหวัง กล่าวว่า ในฐานะชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจและสมาชิกของสภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ จีนและสหรัฐฯมีผลประโยชน์ร่วมกันในหลายด้าน อีกทั้งยังมีโอกาสที่จะร่วมมือกันในหลายประเด็น ฉะนั้น ทั้ง 2 ชาติจึงควรเปิดโต๊ะเจรจาและสานต่อความร่วมมือเพื่อสร้างสันติภาพและความรุ่งเรืองให้กับมนุษยชาติ



          นายหวัง ระบุว่า อนาคตของความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีนนั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจที่ถูกต้องและความพยายามของทั้ง 2 ฝ่าย โดยนายหวังได้ผลักดันข้อเสนอ 5 ประการที่จะสนับสนุนการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศอย่างราบรื่นและมั่นคง ซึ่งได้แก่ 1. การเข้าใจจีนในเชิงกลยุทธ์อย่างถูกต้อง 2. การเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านการสื่อสารและเจรจา 3. การขยายความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ต่อทั้ง 2 ฝ่าย 4. การจัดการข้อพิพาทและความขัดแย้ง และ 5. การเพิ่มการสนับสนุนต่อความสัมพันธ์ในระดับทวิภาคี



หุ้นนิกเกอิ-ฮั่งเส็ง ร่วงกังวล โควิด-19



          ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียวปิดวันนี้ลดลง จากแรงเทขายทำกำไรของนักลงทุน ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับยอดผู้ป่วยหนักจากโรคโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในญี่ปุ่น ประกอบกับความไม่แน่นอน ทางการเมือง หลังคะแนนนิยมของคณะรัฐมนตรี ของนายโยชิฮิเดะ สึกะ ร่วงลงอย่างหนัก เนื่องจากประชาชนไม่พอใจการแก้ปัญหาโควิด-19 และการจัดโอลิมปิก ในปีหน้า ดัชนีนิกเกอิปิดที่ระดับ 26,547.44 จุด ลดลง 203.80 จุด



          ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดร่วงลงวันนี้ เนื่องจากแรงเทขายทำกำไรของนักลงทุน หลังตลาดปิดบวกเมื่อวันศุกร์ ประกอบกับปัจจัยลบจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ดัชนีฮั่งเส็งปิดวันนี้ที่ 26,506.85 จุด ลดลง 329.07 จุด

ข่าวทั้งหมด

X