เมื่อวานนี้ (4 ธ.ค.63) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มอบเงินช่วยเหลือแก่บุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่สนับสนุนที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม จำนวน 13 ราย จากเงินบริจาคบัญชี “สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อรับบริจาคสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)” รวมจำนวนเงิน 670,000 บาท ได้แก่
1. บุคลากรทางการแพทย์ที่เสียชีวิต จำนวน 1 ราย มอบเงินทุนเลี้ยงชีพสำหรับครอบครัว จำนวน 150,000 บาท ผู้รับมอบ : ทายาทนายชัยวัฒน์ ศรียอง นักรังสีการแพทย์ โรงพยาบาลลำพูน
2. เจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานที่เสียชีวิต จำนวน 1 ราย มอบเงินทุนเลี้ยงชีพสำหรับครอบครัว จำนวน 100,000 บาท ผู้แทนรับมอบ : นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน
3. อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่เสียชีวิต จำนวน 1 ราย มอบเงินทุนเลี้ยงชีพสำหรับครอบครัว จำนวน 100,000 บาท ผู้รับมอบ : ทายาทนางสาวนันทนิตย์ เมฆทา อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน โรงพยาบาลหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์
4. เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ติดเชื้อ COVID-19 จำนวน 7 ราย มอบเงินช่วยเหลือ รายละ 30,000 บาท รวมเป็นเงิน 210,000 บาท ผู้แทนรับมอบ : พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
5. อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 ราย มอบเงินช่วยเหลือกรณีได้รับบาดเจ็บสาหัส จำนวน 2 ราย รายละ 40,000 บาท และกรณีบาดเจ็บเป็นผู้ป่วยใน จำนวน 1 ราย เป็นเงิน 30,000 บาท รวมเป็นเงิน 110,000 บาท ผู้แทนรับมอบ : นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และนายธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความเสียใจต่อทายาทผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ โดยกล่าวว่าการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ที่ได้ผลดีก็เพราะบุคลากรทางการแพทย์ อสม. และเจ้าหน้าที่ โดยสถานการณ์คงจะยังไม่สิ้นสุดในระยะเวลาอันใกล้นี้ ทุกคนจะต้องทำงานกันต่อไป โดยจะมีการดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่ให้มากที่สุด เพราะเจ้าหน้าที่ถือว่าเป็นแนวหน้าในการเผชิญสถานการณ์โควิด-19 ในนามของรัฐบาลและคนไทยทุกคนขอขอบคุณในความเสียสละของทุกคน ที่หลายคนได้สูญเสียและบาดเจ็บ หากมีปัญหาใดขอให้ติดต่อประสานมาที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้ โดยรัฐบาลจะดูแลให้ดีที่สุด และกล่าวด้วยว่า หลายสิ่งที่เกิดขึ้นคือบทเรียนในการหาแนวทางทำให้บุคลากรมีความปลอดภัยมากที่สุด จากนี้ไปคาดว่าจะไม่มีการสูญเสียอีก ขอให้ทุกคนมีความรอบคอบในการทำงาน ต้องรู้สุขภาพของตัวเองโดยต้องตรวจสอบตัวเอง และปฏิบัติตามคำแนะนำทางด้านสาธารณสุขสม่ำเสมอ
นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำว่า รัฐบาลจะไม่ทอดทิ้งใครทั้งสิ้น ทั้งบุคลากรทางการแพทย์ ประชาชนผู้เสียสละ โดยจะพิจารณาดูแลตามความเหมาะสม ขอให้กำลังใจทุกคนในการทำงานและสู้กันต่อไป จนกว่าสถานการณ์จะสิ้นสุด โดยเงินที่มอบให้นี้เป็นน้ำใจจากคนไทยทั้งประเทศที่ได้บริจาคสมทบกับรัฐบาล ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้ได้บ้าง โดยขอให้ใช้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุดและขอให้ดำรงชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้ ยืนยันว่ารัฐบาลจะดูแลทุกอย่างให้ดีที่สุด ในนามของรัฐบาล คณะกรรมการฯ และคนไทย ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ร่วมกันเสียสละปฏิบัติงานในสถานการณ์โควิด-19 ด้วยใจจริงอีกครั้ง
ทั้งนี้ ในการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2563 นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีพิจารณาจัดตั้งกองทุนสนับสนุนการดำเนินการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และมีการระดมเงินบริจาคถึงวันที่ 3 ธันวาคม 2563 ทั้งสิ้น 28,287,463.42 บาท โดยสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยคณะกรรมการบริหารจัดการเงินบริจาค และทรัพย์สินเพื่อสนับสนุนการดำเนินการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ได้อนุมัติการให้ความช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่ด้าน การป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ไปแล้วจำนวน 88 ราย เป็นเงิน 2,980,000 บาท
----------------------
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก